สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ว่า กระทรวงการต่างประเทศของฟิลิปปินส์ เผยแพร่แถลงการณ์ของนายทีโอโดโร ล็อกซิน จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการ มีเนื้อหาสำคัญว่า รัฐบาลมะนิลาขอสนับสนุนความร่วมมือพันธมิตรไตรภาคี "คอคัส" ที่เป็นการรวมตัวระหว่างสหรัฐ กับสหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย ว่า เป็นการขับเคลื่อนที่ช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงให้กับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ไม่ใช่เป็นการบ่อนทำลาย
ขณะเดียวกัน ตราบใดที่ออคัสยังไม่นำอาวุธนิวเคลียร์เข้ามาเคลื่อนไหวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ยังไม่ถือเป็นการละเมิด สนธิสัญญาเขตปลอดอาวุธนิวเคลียร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( Southeast Asian Nuclear-Weapon-Free Zone Treaty - SEANWFZ ) หรือ สนธิสัญญากรุงเทพฯ ฉบับปี 2538 มีข้อกำหนดห้ามภาคีพัฒนา ผลิต ครอบครอง ได้มา หรือมีอิทธิพลเหนืออาวุธนิวเคลียร์ โดยประเทศที่ร่วมลงนาม ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เมียนมา เวียดนาม มาเลเซีย และไทย
นอกจากนี้ "เพื่อให้เกิดการตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างทันท่วงที" ฟิลิปปินส์เห็นด้วย กับการที่ออสเตรเลียซึ่งเป็นประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการพัฒนาศักยภาพทางทหาร เพื่อให้สอดรับกับภัยคุกคามและความท้าทายในภูมิภาค โดยไม่มีการกล่าวอย่างเจาะจงว่า "ภัยคุกคาม" นั้นคืออะไร
ท่าทีของฟิลิปปินส์เรียกได้ว่า "แตกต่าง" เมื่อเทียบกับความเห็นของอินโดนีเซีย ประเทศที่ถือเป็น "พี่คนโต" ของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( อาเซียน ) ที่กล่าวว่า การรวมกลุ่มออคัสจะยิ่งทำให้สถานการณ์ด้านความมั่นคงในบริเวณนี้ตึงเครียด โดยเฉพาะเรื่องทะเลจีนใต้ 
ส่วนมาเลเซียเรียกร้องอาเซียน "เป็นกลางร่วมกัน" โดยนอกเหนือจากยึดมั่นตามสนธิสัญญากรุงเทพฯ อาเซียนต้องร่วมกันรักษาหลักการของ "ปฏิญญากำหนดให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเขตแห่งสันติภาพ เสรีภาพ และความเป็นกลาง ( Zone of Peace Freedom and Neutrality ) ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของเสาหลักด้านการเมืองและความมั่นคง ที่เป็นหนึ่งในสามเสาหลักของประชาคมอาเซียน ร่วมกับเสาหลักด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และความร่วมมือทางสังคมและวัฒนธรรม.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES