เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ควบคุมตัว นายอัครพล หรือยีน ไทรน้อย ศิริเมฆานนท์ อายุ 22 ปี นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น, พยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ยิงปืนในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน และพาอาวุธ (ปืนและมีด) ไปในเมืองฯ มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกต่อศาล เป็นเวลา 12 วัน
‘ยีน ไทรน้อย’ เผยชนวนเหตุฆ่าเด็กเทคนิคดุสิต เพราะ ‘เมานํ้ากระท่อม’ ไม่เกี่ยวกับสถาบัน
โดยคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย. มีกลุ่มคนร้าย 3 คน โดยคนร้ายที่ 2 ขี่จักรยานยนต์สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้าพกพาอาวุธปืนลูกซองสั้น และมีคนร้ายที่ 3 ซ้อนท้ายโดยใส่หมวกกันน็อกสีน้ำเงิน พกปืนลูกซองสั้น ขี่รถจักรยานยนต์ มาเทียบด้านข้างรถจักรยานยนต์ของนายพิชิตพงษ์ และนายพงศ์พีระ ผู้ตาย คนซ้อนท้าย และคนร้ายที่ 1 ขี่รถจักรยานยนต์สีเทาดำ สวมหมวกกันน็อกสีดำ ขี่เลยรถของนายพิชิตพงษ์ ไปเล็กน้อย คนร้ายที่ 2 ถามนายพิชิตพงษ์ ผู้เสียหาย กับนายพงศ์พีระ ที่ซ้อนท้ายมาด้วยกัน ว่าเรียนก่อสร้างดุสิตหรือเปล่า โดยนายพิชิตพงษ์ กับเพื่อนไม่ได้ตอบ จึงเกิดเหตุการณ์ต่อสู้โดยทันที ต่อมานายพิชิตพงษ์ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จึงหันไปเห็นนายพงศ์พีระ ล้มลงกับพื้นจึงจะเข้าไปช่วย แต่คนร้ายที่ 3 จ่อปืนมาที่นายพิชิตพงษ์ นายพิชิตพงษ์จึงวิ่งหนี คนร้ายที่ 3 จึงวิ่งไล่นายพิชิตพงษ์ และเล็งปืนยิงมาที่นายพิชิตพงษ์ แต่เก็บปืนและเดินจากไป แต่คนร้ายที่ 2 ได้นำปืนขึ้นมาเล็งที่นายพิชิตพงษ์ ซึ่งนายพิชิตพงษ์ได้ยินเสียงนกสับกระแทกกับตัวปืนแต่ไม่มีกระสุนออกมา คาดว่าปืนขัดลำกล้อง จากนั้นคนร้ายที่ 2 ได้ขี่จักรยานยนต์หลบหนีไปต่อมา นายพงศ์พีระ ได้เสียชีวิตลง
จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่าคนร้าย ที่ได้ร่วมก่อเหตุคือนายอัครพล และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมตัวนายอัครพล ได้ รับสารภาพว่าเป็นผู้ยิงในพงศ์พีระ เสียชีวิต และได้ร่วมกับนายโอม (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) คนร้ายที่ 2 และนายเอ คนร้ายที่ 3 ร่วมกันก่อเหตุ ต่อมาจึงสามารถจับกุมนายเอ ได้
จากพยานหลักฐานจากการสืบสวน คำให้การ พยานภาพถ่าย ประกอบคดี การกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 2 กับพวก เป็นการกระทำที่อุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เป็นความผิดร้ายแรงและเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ จึงเป็นการกระทำความผิด ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น, พยายามฆ่าผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ยิงปืนในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน และพาอาวุธ (ปืนและมีด) ไปในเมืองฯ
โดยพนักงานสอบสวนต้องสอบสวนพยานอีก 7 ปาก รอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ และประวัติต้องโทษผู้ต้องหาและผลการตรวจพิสูจน์ของกลางอย่างละเอียดอีกครั้ง จึงขอยื่นคำร้องฝากขังต่อศาล โดยท้ายคำร้องระบุว่า หากผู้ต้องหายื่นขอปล่อยชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้าน เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยชั่วคราว เกรงว่าจะหลบหนีและยากแก่การติดตามตัวดำเนินคดีในภายหลัง ทั้งการกระทำของผู้ต้องหา เป็นการกระทำที่อุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เป็นความผิดร้ายแรง และเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ และผู้เสียหายขอคัดค้านการประกันตัวของผู้ต้องหาทั้ง 2 เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนี และไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันอีก ศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตฝากขังครั้งแรกได้