เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่ศูนย์ฝึกกีฬาเทควันโดเพื่อความเป็นเลิศ ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) นายธนฑิตย์ รักตะบุตร เลขาธิการสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย เดินทางมาตรวจเยี่ยมการเก็บตัวของนักเทควันโดทีมชาติไทย ชุดใหญ่ รวม 24 คน ที่มาเข้าแคมป์ฝึกซ้อมเป็นวันแรก โดยนักกีฬาจะฝึกซ้อมแบบปิดและทุกคนจะเข้าพักที่อาคาร 300 เตียง กกท.
การเปิดแคมป์เทควันโดวันแรกนี้ นักกีฬาต้องรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์การแพทย์มาสวอป แบบชุดตรวจ ATK โดยมี “น้องทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ฮีโร่เหรียญทอง โอลิมปิกเกมส์ 2020 นำทีมมารายงานตัว พร้อมด้วย “จูเนียร์” รามณรงค์ เสวกวิหารี รุ่น 58 กก.ชาย ส่วนคนที่ไม่มามี 3 คน คือ หลักชัย ห้วยพงษ์ทอง ต้องกักตัวเพราะคนใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด, พีระกฤตย์ ธนานันท์เศรษฐ์ ไม่มีไฟลท์บินจากขอนแก่น และวีรภัทร ไกรฤกษ์ ไม่มีไฟลต์บินจากภูเก็ต
“เสี่ยบิ๊ก” นายธนฑิตย์ เผยว่า ตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ สมาคมฯ ต้องยกเลิกการเก็บตัวนักกีฬาทีมชาติไทย ชุดใหญ่ และไม่ได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย ที่เลบานอน จะมีก็เพียงนักเทควันโดชุดโอลิมปิกเกมส์ 2 คน ที่ต้องเก็บตัวพร้อมคู่ซ้อมก่อนไปแข่งขันลุยศึกโตเกียวเกมส์ เท่านั้น แต่หลังจากที่ ศบค. และ กกท. ได้อนุญาตให้มีการฝึกซ้อมกีฬาได้ เราจึงได้เรียกนักเทควันโดชุดใหญ่ มาเก็บตัวกันอีกครั้ง เพื่อเตรียมทีมไปแข่งขันรายการใหญ่ๆ ในปี 2565 ทั้งเอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ที่ไทย เป็นเจ้าภาพในช่วงเดือน มี.ค. และเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน และแมตช์ระดับนานาชาติอีกหลายรายการ
“ผมได้บอกกับน้องๆ ทุกคนว่าไม่ว่าทีมเทควันโดไทย จะประสบความสำเร็จสูงแค่ไหน แต่ไม่ได้หมายความว่ารายการนั้นจะจบลง การแข่งขันยังคงมีต่อไป ทุกอย่างต้องมานับหนึ่งใหม่ ขอให้ทุกคนลืมความสำเร็จที่ได้มา เพื่อกลับมามุ่งมั่นฝึกซ้อมทำสิ่งที่ท้าทายต่อไป” พ่อบ้านเทควันโด กล่าว
ขณะที่ “น้องเทนนิส” กล่าวว่า ตอนเดินเข้ามาสนามฝึกซ้อม คิดถึงภาพตอนฝึกซ้อมหนักก่อนไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์แล้วรู้สึกน้ำตาไหลเลย เห็นแล้วอยากกลับบ้าน เพราะพักการซ้อมมานาน ซึ่งนานที่สุดเท่าที่เก็บตัวฝึกซ้อมมาเลย แต่เมื่อต้องซ้อมก็ต้องลืมทุกอย่าง เดินหน้ามุ่งมั่นฝึกซ้อมใหม่ เชื่อว่าคงใช้เวลาไม่นานในการฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาฟิตเต็มร้อยเหมือนเดิม โดยในปีหน้าตนยังคงเต็มที่กับทุกรายการแข่งขัน และเหรียญทองแรกที่ยังไม่เคยแข่งขันคือเอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ จะต้องคว้ามาให้ได้
ทางด้าน โค้ชเช ยอง ซอก เผยว่า ได้บอกกับนักกีฬาทุกคนว่าความสำเร็จที่ผ่านมามันเป็นอดีต วันนี้ทุกคนต้องนับหนึ่งกันใหม่ ต้องตั้งใจฝึกซ้อมเพราะปีหน้ามีรายการใหญ่มากมาย ส่วนตัวยอมรับว่ากดดันเพราะทำผลงานที่ผ่านมาไว้ดีมาก แต่เราเป็นโค้ช ต้องทำหน้าที่ให้เต็มที่ ทุกการแข่งขันต้องพยายามให้นักกีฬาคว้าเหรียญทองมาให้ได้มากที่สุด