มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เงินได้ของบุคคลธรรมดาที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนใน “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund หรือ TESG)” ในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 100,000 บาท มาฟังความเห็นหลากหลายมุมมองของผู้ที่เกี่ยวข้อง

เริ่มจาก “กอบศักดิ์ ภูตระกูล” ประธานคณะกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ระบุว่า ทุก บลจ. สนใจเตรียมออกกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน คาดว่า บลจ.ต่าง ๆ จะเริ่มขายกองทุน TESG ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 66 ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งมือทำงานเพื่อให้กองทุน TESG สามารถเปิดขายได้อย่างรวดเร็ว โดยผู้ซื้อสามารถนำไปลดหย่อนภาษีเพิ่มอีก 1 แสนบาท จากเดิมที่ได้ลดหย่อนส่วนต่าง ๆ แล้ว 5 แสนบาท ใช้ลดหย่อนได้ในปีภาษี 66 ได้เลย ซึ่ง บลจ. ต่าง ๆ ก็มีความพร้อมในการคัดหุ้นมาให้เลือก

“กองทุน TESG จะคล้ายกองทุน LTF โดยจะได้สิทธิลดหย่อนภาษี 100,000 บาทต่อราย เพื่อให้ทันใช้สิทธิลดหย่อนภาษีปี 66 และคาดเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้น 1 หมื่นล้านบาท โดยกองทุน TESG จะลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ไทยที่มี ESG ระยะเวลาถือครอง 8 ปีเต็ม และขณะนี้เป็นจังหวะเข้าซื้อหุ้นไทยที่อยู่ในช่วงซบเซา หุ้นที่เข้าข่ายลงทุนก็เป็นหุ้นที่นักลงทุนรู้จักเป็นอย่างดี และมีสภาพคล่องสูง”

ส่วน “ศรชัย สุเนต์ตา” ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่ายการลงทุน กลุ่มธุรกิจเวลธ์ ธนาคารไทยพาณิชย์ มองว่า เอสซีบีเวลธ์มีความพร้อมอย่างมากในการเป็นผู้สนับสนุนการขายกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน หรือไทยแลนด์ อีเอสจี ฟันด์ (ทีอีเอสจี) หลังจากที่ ครม. อนุมติแล้ว โดย บลจ.ไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของธนาคาร มีความพร้อมที่จะยื่นขออนุมัติสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อจัดตั้งกองทุนทีอีเอสจีทันที

ด้าน “สนั่น อังอุบลกุล” ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เป็นการสนับสนุนการออมระยะยาวและมีเป้าหมายการลงทุนในกลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์ที่เป็น ESG รวมทั้งการลงทุนในตราสารหนี้ สอดคล้องกับแนวทางหอการค้าไทย ที่เน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในระดับโลก โดยหอการค้าไทยขอสนับสนุนให้ผู้ประกอบการทั้งหมด เร่งปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดรับกับ ESG เพื่อสร้างความเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนควบคู่ไปพร้อมกับการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

“เรื่องนี้ประชาชนยังได้รับประโยชน์จากการลงทุนในกองทุน TESG เพื่อรับการลดหย่อนภาษี ที่จะขยายวงเงินเพิ่มผ่านกองทุน TESG อีก 100,000 บาท จากสิทธิการลดหย่อนภาษีในกองทุนปัจจุบัน เช่น กองทุน SSF, กองทุน RMF, กองทุน LTF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุน กบข., กองทุนการออมแห่งชาติ รวมกันไม่เกิน 500,000 บาท รวมเป็น 600,000 บาท จะเริ่มเปิดให้ประชาชนลงทุนได้ในเดือน ธ.ค. 66 และลดหย่อนภาษีได้ในเดือน มี.ค. 67 โดยมีการประมาณการว่ากองทุน TESG จะกระตุ้นให้มีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาไม่ตํ่ากว่า 10,000 ล้านบาท”.