สืบเนื่องจากปัญหาลักลอบตัดไม้พะยูงที่สถานีเพาะชำกล้าไม้กาฬสินธุ์ ต.อิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 66 ต่อมาไม้พะยูงของกลาง จำนวน 7 ท่อน มูลค่า 1 ล้านบาท หายไปจากเทศบาลตำบลตื้อ นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ตัดไม้พะยูงในโรงเรียน หลายแห่ง ออกขายในราคาต่ำผิดปกติ ในช่วง 1-2 ปี ต้นพะยูงโรงเรียนถูกตัดไปมากถึง 61 ต้น ซึ่งนายวิรัช พิมพะนิตย์ สส.กาฬสินธุ์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย จึงได้นำปัญหานี้เข้าไปอภิปรายเป็ญัตติด่วนในสภาผู้แทนราษฎร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น


เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 15 พ.ย. อาคารรัฐสภาเกียกกาย ห้องประชุม CA 311 ร.ศ.ดร.ชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ได้เรียกประชุมเพื่อพิจารณาวาระสำคัญ เนื่องจาก พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ กมธ. และที่ปรึกษาประธาน กมธ.ป.ป.ช. ได้ขอให้คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการตัดไม้พะยูงในเขตพื้นที่โรงเรียนหลายแห่งในจังหวัดกาฬสินธุ์ และกรณีไม้พะยูงของกลางหายออกจาก หน้าเสาธงเทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด ซึ่งนายวิรัช สส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย เขต 1 เคยยื่นญัตติและได้อภิปรายในสภาไปแล้ว จนทำให้เห็นว่ามีข้าราชการบางกลุ่มเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งข้าราชการการเมืองท้องถิ่น, ฝ่ายปกครอง, จนท.ธนารักษ์, จนท.ป่าไม้ และคณะครู สันนิษฐานด้วยว่ามีเครือข่ายโยงใยในหลายจังหวัดภาคอีสาน เป็นขบวนการฟอกขาวไม้พะยูง ส่งไปขายต่างประเทศ โดยมีนายทุนใหญ่อยู่เบื้องหลัง


สำหรับการประชุม กมธ.ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร จึงได้เชิญ ผวจ.กาฬสินธุ์, ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์, พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบสำนวนการสอบสวน, ผอ.ป่าไม้กาฬสินธุ์, ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์,อธิบดีกรมธนารักษ์, ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 2 ซึ่งก็ได้ส่งตัวแทนแต่ละหน่วยงานเข้ามาชี้แจง โดยมี นายวิรัช สส.กาฬสินธุ์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย ให้ข้อมูลรายละเอียด ปัญหาการตัดไม้พะยูง แยกออกเป็น 2 เหตุการณ์ คือเหตุคดีอุกฉกรรจ์ ลักลอบตัดไม้พะยูงในพื้นที่ป่าสงวน เขต อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 66 จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ยึดของกลางมาเก็บไว้ที่หน้าเสาธง สำนักงานเทศบาลตำบลอิตื้อ กระทั่งเกิดเหตุ ของกลางทั้งหมดถูกขโมยหายไป ต่อมาตำรวจพบผู้กระทำความผิด 8 ราย เป็น ข้าราชการท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน ส่งต่อ ป.ป.ช.จังหวัดกาฬสินธุ์ ส่วนอีกเหตุการณ์ กรณีประมูลตัดไม้พะยูงในโรงเรียนขายให้กับนายทุน โดยเป็นโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ธนารักษ์พื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ มากแบบผิดปกติ เป็นข่าวเริ่มจากโรงเรียนคำไฮวิทยาคม อ.หนองกุงศรี จากนั้นก็มีชาวบ้านและครูออกมาแจ้งเบาะแสรวม 13 แห่ง เหตุการณ์เกิดขึ้นทั้งหมด 14 ครั้ง ต้นไม้พะยูงอายุกว่า 60-80 ปี ถูกตัดประมูลขายไปจำนวน 61 ต้น ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้ซักถามถึงการตรวจสอบปัญหาการตัดต้นไม้พะยูง ที่มีความล่าช้า ซึ่งตัวแทนจาก ตำรวจ ภ.จว.กาฬสินธุ์ ยืนยันว่าได้ดำเนินการตามขั้นตอนและมีการแจ้งข้อกล่าวหาในคดีขโมยของกลางที่หน้าเทศบาลตำบลอิตื้อ แต่เนื่องจากเป็น ข้าราชการการเมืองและฝ่ายปกครองรวม 8 คน จึงได้ส่งเรื่องให้ สำนักงาน ป.ป.ช.จังหวัดกาฬสินธุ์ ดำเนินการพิจารณา และได้ส่งสำนวนกลับมาให้ ตำรวจดำเนินคดีต่อไป ทางคดีก็จะได้ดำเนินการพิจารณาสืบสวนสอบสวนต่อที่เตรียมที่จะดำเนินคดีในข้อหาฟอกเงิน เนื่องจากอาจเข้าข่ายมูลฐานความผิด พ.ร.บ.ฟอกเงิน

นายนพดล ทิพยชล โฆษก กมธ.ป.ป.ช. กล่าวว่า ตนให้ความสนใจเรื่องที่ 2 คือปัญหาการประมูลไม้ขายตามโรงเรียน ถือว่าเป็นเรื่องที่ซับซ้อน จึงต้องการให้ อธิบดีกรมธนารักษ์ หรือ ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ รวมถึง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 2 จ.กาฬสินธุ์ ตอบด้วยว่า สรุปแล้ว ไม้พะยูงโรงเรียนเป็นทรัพย์ของใคร, ใครอุนญาตให้ตัดขาย, ใครเป็นผู้มาซื้อ และที่สำคัญราคาขายทำไมถึงต่ำกว่า ราคาประเมินของกรมป่าไม้ ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า ไม้พะยูงขนาด 1 ลบ.ม. ท้องตลาดราคา ลบ.ม. ละ 250,000 บาท แต่ราคาขายครั้งนี้ ขายเพียง ลบ.ม. ละ 10,000 บาท ขณะที่ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 2 ยืนยันว่า การตัดไม้พะยูงตามโรงเรียน ได้รับอนุญาตจาก ธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ยืนยันไว้เป็นลายลักษณ์อักษร


ด้าน รศ.ดร.ชูศักดิ์ ประธานคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร กล่าวสรุปว่า เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผลคดี รวมถึงการดำเนินการสอบสวนนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ที่ประชุมมีมติให้ทาง ตำรวจ ภ.จว.กาฬสินธุ์ ดำเนินคดีสอบสวนคดีและรายงานผลคดดีให้ กมธ.ป.ป.ช. ทราบ รวมถึงให้อธิบดีกรมธนารักษ์ รายงานผลการสอบสวนว่ามีเจ้าหน้าที่ธนารักษ์เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องนี้อย่างไร โดยให้รายงาน กมธ.ป.ป.ช. ทราบ นอกจากนี้ กมธ.ป.ป.ช. มีมติให้ดำเนินการยกร่างผลการรับฟังรายงาน เพื่อการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับผลสอบและการวางแนวทางป้องกัน ที่จะต้องทำรายงานส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ต่อไป.