เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ภาพใบฎีกาขอเชิญทำบุญทอดกฐินสำนักสงฆ์เทพประทานพร โดยมีกำหนดการตั้งองค์กฐินวันพฤหัสบดีที่ 16 พ.ย. 66 และทอดถวายวันศุกร์ที่ 17 พ.ย. 66 โดยมีชื่อ พระปณชัย ปุญญมโน และคณะสงฆ์สำนักสงฆ์เทพประทานพรทุกรูปเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมกับระบุข้อความว่า “ตอนนี้มีพระสงฆ์แอบอ้างเอากฐินวัดบ้านร่องดู่ สำนักสงฆ์เทพประทานพร เอาซองกฐินไปแจก ตามหมู่บ้านต่างๆ รบกวนชาวบ้านอย่าหลงเชื่อ ที่วัดของเรามีงานกฐิน วันที่ 7-8 พ.ย. นะคะ ทะเบียนรถ 8310 สระแก้ว”

ภายหลังจากที่ภาพและข้อความดังกล่าว ถูกโพสต์ออกไป ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก เช่น “มาแถวบ้านแพรแล้วค่ะอาทิตย์ที่แล้ว ใส่ซองแล้วด้วย อนุโมทนาบุญอย่างดิบดี” , “ทำขนาดนี้เลยรึ” , “เจอเหมือนกัน 2 ปีซ้อนรถทะเบียนนี้ สระแก้ว มีพระ 1 องค์ โยม 1 คน” , “เกลื่อนอีกละ บาปกรรมมันมีจริงคงสำให้สำนึกกันบ้าง” , “มาทั่วประเทศแล้วแถวพัทยาเยอะมาค่ะ” , “สมุทรสงครามเยอะมากค่ะ แต่หนูไม่เคยทำให้ซักคนค่ะ จี้หนู หนูด่าค่ะ หนูบอกถ้าหนูจะทำไปทำที่วัดค่ะ” , “รถไมตี้สีเขียวฟิล์มมืดๆ ใช่มั๊ยคะ” , “มาพิษณุโลกด้วยค่ะ คันเขียวๆ ปิดมืดมาเลย มาเรี่ยไรเงิน” เป็นต้น

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 125 หมู่ 4 ต.ลานบ่า อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ พบกับ นางอรพิน แก่นน้อย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ต.ลานบ่า อ.หล่มสัก โดยเปิดเผยว่า ตนและชาวบ้านได้ร่วมกันตั้งกฐินสามัคคีเพื่อทอดถวายที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ แต่ได้ทอดถวายไปแล้วเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา โดยการแจกฎีกาให้กับชาวบ้านและญาติพี่น้องไม่มีการนำรถออกไปเรี่ยไรตามหมู่บ้านแต่อย่างใด

สำหรับในกรณีที่ถูกแอบอ้างนั้น เนื่องมาจากเมื่อวันก่อน ได้มีญาติซึ่งอยู่ใน ต.บ้านกลาง อ.หล่มสัก โทรศัพท์มาสอบถาม เพื่อที่จะมาร่วมทอดกฐินในวันที่17 พ.ย. 66 ซึ่งตนก็ได้แจ้งไปว่าวัดของหมู่บ้านทอดถวายวันที่ 8 พ.ย ซึ่งไม่ตรงกัน แต่ญาติคนดังกล่าวก็ยืนยันว่ามีพระและผู้ชายขับรถกระบะโตโยต้า ทะเบียน 8310 สระแก้ว มาแจกซองกฐิน พร้อมเรี่ยไรเงิน โดยในใบฎีกาเป็นวันที่ 17 พ.ย. 66 ตนจึงให้ถ่ายรูปภาพใบฎีกาส่งมาให้ดู จึงพบว่าไม่ใช่ของหมู่บ้านจัดทำ คาดว่าน่าจะเป็นพวกมิจฉาชีพอย่างแน่นอน จึงได้โทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ แต่ก็ไม่พบเสียแล้ว จึงได้โพสต์เฟซบุ๊กกระจายข่าวเพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพไปสร้างความเดือดร้อนให้ชาวพุทธได้อีก พร้อมทั้งเตรียมหารือกรรมการวัด เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป

ด้านผู้สูงอายุในหมู่บ้าน เปิดเผยว่า ตั้งแต่ตั้งสำนักสงฆ์แห่งนี้มา ไม่เคยออกไปเรี่ยไรตามหมู่บ้านต่างๆ เลย หากมีงานบุญก็จะใช้วิธีการแจกซองให้กับคนในหมู่บ้าน และนำไปแจกให้คนที่รู้จัก การกระทำดังกล่าว ต้องเป็นพวกมิจฉาชีพที่เอาชื่อของวัดไปแอบอ้างอย่างแน่นอน.