แสงประกายในความพ่ายแพ้ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่มีต่อ คาซากิ ฟรอนตาเล ที่คาวาซากิ โทโดโรกิ สเตเดี้ยม 2-4 ศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก

คือฟอร์มของ “เจ้าเจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่วันนี้เป็นอีกครั้งที่เขาพิสูจน์ให้เห็นมาตรฐานที่อยู่เหนือนักบอลไทยทั่วไป

ชนาธิป ยิง 2 ประตู แม้มาจากความผิดพลาดของผู้รักษาประตู จองซองรยอง และอีกลูกยิงแฉลบ แต่ก็ต้องให้เครดิต กับจังหวะจบสกอร์

ไหนจะฟอร์มทั่วไปที่ปั่นป่วนเพื่อนเก่า

หลังเกม เจ้าเจ เดินไปทักทาย โทรุ โอนิกิ ทักทายเพื่อนร่วมทีม

ถามว่า โค้ชเก่า เพื่อนเก่า พูดอะไร

เจ้าเจ บอกว่าโอนิกิ และเพื่อนๆ พูดในทำนองว่า “เจ…มึงเก่งจังวะ”

ชนาธิป ไม่ใช่คนยกยอตัวเอง เมื่อนักข่าวถามมา ก็ตอบไป ซึ่งคำพูดของทีมฟรอนตาเล ก็ออกแนวๆ แซว

อีกภาพที่น่าประทับใจคือการต้อนรับของแฟนบอลฟรอนตาเล ถึงกับให้ เจ้าเจ ยืนพูดหน้าอัฒจันทร์ พร้อมรับของขวัญติดมือกลับบ้าน ไหนจะกลุ่มที่ตั้งหน้าตั้งตารอขอลายเซ็นก่อนขึ้นรถบัส

เป็นความอบอุ่น เหมือนกลับมาบ้านเก่า

ชนาธิป มีช่วงเวลาที่ไม่ประสบความสำเร็จกับ ฟรอนตาเล อันนี้ว่ากันตรงๆ แต่การไม่ประสบความสำเร็จ มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาฝีมือไม่ถึง แต่มันมีปัจจัยอื่น

ที่แน่ๆ คือ ชนาธิป นักบอลจากประเทศไทย ได้รับการยอมรับจากทั้ง โค้ช, นักเตะ และแฟนบอล รวมทั้งผู้บริหาร ของยอดทีมในญี่ปุ่น ประเทศระดับท็อปวงการฟุตบอลเอเชีย

แน่นอนอันดับแรก จากฝีเท้าของเขา บอลอาชีพระดับนี้ ต่อให้คุณนิสัยดีเป็นพ่อพระมาเกิด แต่ถ้าเล่นไม่ได้เรื่องเขาก็ไม่สน

แต่นี่ เจ้าเจ ฝีเท้าดีด้วย และที่สำคัญยังมนุษย์สัมพันธ์ดีด้วย

เขาจึงเป็นที่รักของ ทีม ฟรอนตาเล ทั้งหมด รวมทั้ง คอนซาโดเล ซัปโปโร ด้วยแม้จะมีจุดตัด ที่จำเป็นต้องไปตามทางที่เหมาะสมที่สุด แต่นั่นคือวิถี เคารพในการตัดสินใจ

ทุกการอำลาจึงมาพร้อมการอาลัย

เข้าทำนอง อยู่ในเขารัก จากให้เขาคิดถึง

“เจ…มึงเก่งจังวะ” จึงไม่ใช่เพียงฝีเท้า แต่รวมถึงอุปนิสัย การดำรงชีวิต

เป็นตัวอย่างที่ดี

ไม่ใช่แค่สำหรับนักฟุตบอล นักกีฬา แต่ยังหมายถึงการใช้ชีวิตในสังคมของมนุษย์ทั่วไปด้วย.

*** วุฒินล ***

(ภาพ : ฺBG PATHUM UNITED)