สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน จากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ว่า เดมี มัวร์ เดินทางไปเยี่ยมวิลลิส หลังเธอกลับจากการท่องเที่ยวช่วงฤดูร้อนที่อิตาลี และพบว่า เขาไม่สามารถจำเธอได้ ในฐานะภรรยาเก่าที่อยู่ด้วยกันมานาน 13 ปี และแม่ของบุตร 3 คน
แม้ว่ามัวร์ยังคงติดต่อพูดคุยกับลูก ๆ ของวิลลิส และนางเอมมา เฮมิง ภรรยาคนปัจจุบัน แต่เธอไม่รู้เลยว่า วิลลิสที่กำลังต่อสู้กับ “ภาวะสมองส่วนหน้าเสื่อม” หรือ “เอฟทีดี” (Frontotemporal Dementia–FTD) ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเสื่อมถอยทางสติปัญญาอย่างรุนแรง, การเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพ และอารมณ์แปรปรวน มีอาการหนักมาก โดยแหล่งข่าวระบุเสริมว่า ความทรงจำวิลลิสที่เกี่ยวกับมัวร์ “จางหายไป”
อย่างไรก็ตาม ข่าวดีอย่างหนึ่งคือ วิลลิสยังจำเฮมิง และบุตรของเขาได้ แม้เขาจะไม่สามารถสื่อสารใด ๆ ได้แล้วก็ตาม ขณะที่แหล่งข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วิลลิสมีอารมณ์ “ก้าวร้าว” ในบางครั้ง และประสบปัญหาทางร่างกายเช่นกัน
ในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา เฮมิง กล่าวถึงความท้าทายของโรคสมองส่วนหน้าเสื่อมว่า มันเป็นเรื่องที่ยากลำบาก สำหรับผู้ป่วย และครอบครัวของผู้ป่วย อีกทั้งมันบอกได้ยากมากว่า วิลลิสทราบถึงอาการที่เขากำลังเผชิญอยู่หรือไม่
อนึ่ง ครอบครัววิลลิสเปิดเผยเมื่อปีที่แล้วว่า วิลลิสมีความจำเป็นต้องยุติอาชีพการแสดง เนื่องจากมีอาการป่วยด้วยโรค “อะฟาเซีย” (Aphasia) ซึ่งเป็นในกลุ่มอาการผิดปกติทางสมอง ส่งผลให้เกิดความบกพร่องด้านการสื่อสาร โดยมักเป็นผลสืบเนื่องจากภาวะสมองขาดเลือด เนื่องจากหลอดเลือดตีบ หรืออาการบาดเจ็บทางสมอง หรือการเกิดเนื้องอกในสมอง.
เครดิตภาพ : AFP