เมื่อวันที่ 29 ต.ค. สำนักวิจัยสยามเทคโนโพล วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม เสนอผลสำรวจ เรื่อง ตัวชี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภค กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,035 ตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติ ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 20 – 28 ตุลาคม พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา ผลการสำรวจพบว่า ฐานะทางการเงินของผู้ตอบแบบสอบถามและครอบครัวเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ร้อยละ 38.41 แย่ลง ร้อยละ 36.74 เหมือนเดิม และร้อยละ 24.85 ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงภาพรวมการทำธุรกิจในประเทศไทยกับฐานะการเงินของประชาชนในอีก 12 เดือนข้างหน้า พบว่า ร้อยละ 42.72 ดีขึ้น ร้อยละ 38.16 เหมือนเดิม และร้อยละ 19.12 แย่ลง

ผลสำรวจพบด้วยว่า ประเทศไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า จะเป็นห้วงเวลาที่ดีต่อเนื่องต่อระบบเศรษฐกิจและการจ้างงาน พบว่า ร้อยละ 59.14 จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ร้อยละ 40.86 จะเกิดการว่างงานและเศรษฐกิจตกต่ำอีก แต่เมื่อถามถึงความสุขของประชาชนวันนี้ เมื่อนึกถึงเงินในกระเป๋าของตัวเอง เมื่อคะแนนความสุขเต็ม 10 คะแนน ผลสำรวจพบค่าเฉลี่ยความสุขของประชาชนโดยรวมอยู่ที่ 5.55 คะแนนคือความสุขของประชาชนอยู่ในระดับทรงๆ เกินกึ่งหนึ่งมาแบบเฉียดฉิว ความหมายคือแค่พอเอาตัวรอดได้ไปวัน ๆ หนึ่งเท่านั้น

นายสมควร แผลงฤทธิ์ รับจ้างใช้แรงงานทั่วไป กล่าวว่า เงินไม่พอใช้ ซื้อข้าวกล่องมาก็แบ่งกันกินกับคนในครอบครัวไม่เคยอิ่มท้องเอาแค่ชีวิตรอดไปวันๆ บางทีเห็นข่าวคนไม่ทำงานพวกเร่ร่อนมีกินมากกว่าคนทำงานอย่างพวกผม ขอให้คนมีเงินหันมาช่วยคนทำงาน หวังเงินรัฐบาลที่จะแจกเป็นก้อนเป็นหมื่นนี้แหละ แต่ได้มาก็จะหมดไปเร็วแต่ก็เอาไว้ก่อน ได้มาก็เอามากินเอามาใช้ จะให้ไปลงทุนอะไรไม่รู้จะไปทำอะไร นอกจากจะเอามากินเอามาใช้”

ขณะที่นักธุรกิจด้านการท่องเที่ยวบริษัท พราวด์พาทัวร์ โฉมลดา ชินมโนพันธ์ กล่าวว่าหลังเปิดประเทศมาธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้น มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น เชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะเดินหน้าสนับสนุนธุรกิจท่องเที่ยวเชิงพื้นที่ท้องถิ่นของประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนขึ้นมามากกว่ากระตุ้นภาพใหญ่ เพราะทุกครั้งที่พานักท่องเที่ยวลงไปในชุมชนได้เห็นรอยยิ้ม และการต้อนรับที่อบอุ่นจากชาวบ้านเพราะไปทำให้ชาวบ้านประชาชนมีความสุข มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี น่าจะสอดคล้องกับผลสำรวจคาดหวังว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าธุรกิจท่องเที่ยวไทย และการจ้างงานจะดีขึ้นต่อเนื่อง ขออย่าให้มีขบวนการทัวร์ศูนย์เหรียญและขบวนการมิจฉาชีพใดมาทำลายบรรยากาศท่องเที่ยวไทย

ส่วนแม่ค้าขายของชำ นางจุไรรัตน์ คงเสมา มองว่า วันนี้แค่พออยู่ได้ไปวัน ๆ จริง ๆ แทบจะมองไม่เห็นความหวังว่าจะค้าขายดีขึ้นแต่ไม่รู้จะไปทำมาหากินอะไร ก็หวังก็รอเงินแจกจากรัฐบาลที่จะให้ประชาชนมีเงินมาจับจ่ายใช้สอยแต่ก็คงไม่นานอะไรก็จะแย่ลงไปอีก เลยไม่รู้ว่าจะทำไงขอเอาตัวให้รอดแค่มีกินมีใช้ไปวัน ๆ อยากได้รัฐบาลที่เก่งจริง ๆ ไม่ทำให้ประชาชนผิดหวังซ้ำซากอีก

รายงานของ สำนักวิจัยสยามเทคโนโพล ยังระบุด้วยว่า อาชีพที่รัฐบาลควรใส่ใจมากสุดคือ อาชีพรับจ้างใช้แรงงาน เพราะคนไทยจำนวนมากมีอาชีพรับจ้างใช้แรงงานที่ขาดความมั่นคง ทั้งด้านการเงิน ทั้งด้านการงาน การจ้างงานขาดระบบ ขาดสวัสดิการ ไม่มีอำนาจต่อรอง ไม่มีทางเลือกและบางคนไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการของรัฐอย่างเพียงพอ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ว่าจ้างบางกิจการ หันไปใช้เครื่องจักร หุ่นยนต์ เทคโนโลยีในการทำงานแทนคน อาทิ ร้านอาหาร งานด้านการเกษตร ด้านประมง ด้านการก่อสร้าง งานด้านโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งการจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่ให้ค่าแรงต่ำกว่าการจ้างงานคนไทย เป็นต้น คนไทยจำนวนมากจึงเป็นทุกข์เมื่อนึกถึงเงินในกระเป๋าของตัวเอง

ดังนั้น ภาครัฐ หรือภาคเอกชน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจริงจังมีมาตรการช่วยเหลือแก้ปัญหาประชาชนในมิตินี้ โดยการบูรณาการความร่วมมือ เช่น สำรวจความต้องการของผู้รับจ้าง พร้อมขึ้นทะเบียนแยกแยะ เป็นความต้องการ ความถนัด ทักษะ และภูมิลำเนา ของผู้รับจ้างนั้น ๆ และรับเข้าทำงานในด้านที่มีความถนัด มีทักษะ ตามภูมิลำเนา พร้อมจัดสวัสดิการและค้าจ้างที่เหมาะสม เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ให้แก่แรงงานไทย และเศรษฐกิจของประเทศ ผลที่ตามมาคือ ตัวชี้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคน่าจะดีขึ้น