สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ว่ากระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศสเผยแพร่แถลงการณ์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่าเนื่องด้วย "สถานการณ์ตึงเครียดที่ดำเนินอยู่" ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง มีคำสั่งให้เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสหรัฐ และเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำออสเตรเลีย เดินทางกลับกรุงปารีสเป็นการด่วน "เพื่อการปรึกษาหารือ"
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศในกรุงวอชิงตัน และกรุงแคนเบอร์รา ออกแถลงการณ์ "เสียใจเป็นอย่างยิ่ง" ต่อการตัดสินใจดังกล่าวของฝรั่งเศส โดยในส่วนของสหรัฐขอยืนยันว่า รัฐบาลปารีส "คือพันธมิตรที่สำคัญ" และสหรัฐ "ให้คุณค่าสูงสุด" กับทุกพลวัตของความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ ส่วนนางมาริส เพย์น รมว.การต่างประเทศออสเตรเลีย ยืนยันว่า ฝรั่งเศส "คือพันธมิตรที่มีค่า" แต่รัฐบาลแคนเบอร์รา "ยอมรับการตัดสินใจ" ของรัฐบาลปารีส
ต่อมา นายฌอง-อีฟว์ เลอ ดริยง รมว.การต่างประเทศของฝรั่งเศส กล่าวว่า การที่ออสเตรเลียยุติความร่วมมือพัฒนาและสร้างเรือดำน้ำร่วมกับฝรั่งเศส "อย่างกะทันหัน" แต่กลับไปจับมือรวมกลุ่มทำข้อตกลงเชิงยุทธศาสตร์ร่วมกับสหรัฐ เพื่อขยายโอกาสด้านนโยบายนิวเคลียร์ "เป็นเรื่องที่รับไม่ได้" 
บรรยากาศหน้าสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำกรุงวอชิงตัน หลังประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง สั่งให้เอกอัครราชทูตเดินทางกลับกรุงปารีส
ทั้งนี้ เลอ ดริยง เพิ่งกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประณามข้อตกลงถ่ายทอดเทคโนโลยีเรือดำน้ำ ที่ออสเตรเลียจะได้รับความสนับสนุนจากสหรัฐและสหราชอาณาจักร "เป็นการแทงข้างหลัง" และการดำเนินการแบบนี้ "ไม่ใช้วิสัยของพันธมิตร" พร้อมทั้งเปรียบเทียบประธานาธิบดีโจ ไบเดน "ทำตัวเหมือนทรัมป์" หมายถึงอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐคนก่อนหน้า
นอกจากนี้ เลอ ดริยง เปิดเผยด้วยว่า ประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนที่สหรัฐประกาศการตั้งพันธมิตรร่วมกับสหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย ในนาม "ออคัส" กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมของออสเตรเลีย ยืนยันหนักแน่นกับฝรั่งเศส ว่าข้อตกลงสร้าง "กองเรือดำน้ำ" มูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 1.3 ล้านล้านบาท ) จะเดินหน้าต่อไปโดยไม่มีอุปสรรค หลังลงนามร่วมกันเมื่อปี 2559 และกำหนดส่งมอบเรือดำน้ำลำแรกจากทั้งหมด 12 ลำ คือภายในปี 2570
อนึ่ง สหราชอาณาจักรยังไม่มีปฏิกิริยาอย่างเป็นทางการ ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แหล่งข่าวระดับสูงในรัฐบาลปารีสให้ข้อมูลเพิ่มเติม ว่าฝรั่งเศสมองการที่รัฐบาลลอนดอนเข้าร่วมกลุ่มออคัส "เป็นการฉวยโอกาส" แต่ "ยังไม่มีความจำเป็น" ที่จะต้องเชิญเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร "พบหารือ".

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES, REUTERS