สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ว่า นายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันมีความวิตกกังวลอย่างยิ่ง ต่อการที่ “นักรบตัวแทนอิหร่าน” ยกระดับการโจมตีต่อบุคลากรทางทหาร และพลเรือนสหรัฐ” สถานการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่รัฐบาลวอชิงตันถือว่า “เป็นเจตนากระตุ้นความรุนแรง” และเตือนว่า “สหรัฐพร้อมตอบโต้หากจำเป็น”


ขณะที่ พล.อ.ลอยด์ ออสติน รมว.กลาโหมสหรัฐ กล่าวว่า กำลังพลของอเมริกาในตะวันออกกลาง กำลังตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสปะทุ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา หากประเทศใดหรือกลุ่มไหน กำลังพยายามแสวงหาผลประโยชน์จากเรื่องนี้ สหรัฐขอเตือนว่า “อย่าเด็ดขาด” สื่อเป็นนัยถึงอิหร่านและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์


ทั้งนี้ นายฮอสเซ็น เอเมียร์-อับโดลลาเฮียน รมว.การต่างประเทศอิหร่าน กล่าวว่า รัฐบาลเตหะรานขอเตือนสหรัฐและอิสราเอล ว่าหากยังไม่ยุติการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ประชาชนในฉนวนกาซา “อะไรก็เกิดขึ้นได้” และ “ไม่ว่าเมื่อใดก็ตาม” ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ในภูมิภาคยิ่งรุนแรง และลุกลามยากเกินควบคุม


อนึ่ง สหรัฐส่งเรือบรรทุกเครื่องบินพร้อมกองเรือติดตาม เข้าไปประจำการในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ใกล้กับชายฝั่งของอิสราเอลแล้ว 2 ลำ คือ “ยูเอสเอส เจอรัลด์ อาร์. ฟอร์ด” และ “ยูเอสเอส.ดไวต์ ดี.ไอเซนฮาวร์” และเตรียมส่งระบบป้องกันขีปนาวุธ ในบริเวณพิกัดตำแหน่งสูง หรือ “ทาด” และระบบป้องกันแพทริออต ไปประจำการเพิ่มเติมในตะวันออกกลางด้วย.

เครดิตภาพ : AFP