เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ติดตามเหตุระเบิดที่โกดังเก็บสารเคมีของบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล จำกัด ในอ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อคืนวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถูกมองว่าอยากจะเป็นรมว.มหาดไทย ว่า พื้นที่ที่เกิดเหตุดังกล่าวอยู่ในความดูแลของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แต่ขณะนี้ส.ส.ของเราต้องกักตัวซึ่งเพิ่งครบกำหนดเมื่อเย็นวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา จึงไม่สามารถลงพื้นที่ได้ทันที ทำให้ตนต้องลงไปทำหน้าที่แทน อย่างไรก็ตาม เรามีชุดอาสาสมัครอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวประมาณ 20 คน ซึ่งเขารายงานสถานการณ์มาให้ตนทราบตลอดทั้งวัน และได้แจ้งมาว่ายังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ รวมถึงมีปัญหาการประสานงานกับหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ตนจึงต้องไปสั่งการด้วยตัวเอง พร้อมช่วยประสานงานกับหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาซึ่งรุ่นพี่ของตนคุมกำลังอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคพลังประชารัฐตั้งศูนย์ให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุดังกล่าวหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า จะมีการตั้งศูนย์ไปช่วยในวันนี้ (6 ก.ค.) รวมถึงจะมีการส่งของไปช่วยเหลือบางส่วน และให้ส.ส.ของพรรคที่อยู่ในจ.สมุทรปราการทั้งหมดไปร่วมลงพื้นที่ดูแลประชาชน ทั้งนี้ตนได้นำข้อมูลจากการลงพื้นที่ดังกล่าว รายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รับทราบแล้ว ขณะเดียวกัน นายกฯได้รับทราบสถานการณ์นี้อยู่ตลอดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญ คือ พื้นที่เกิดเหตุมีสารเคมีเป็นจำนวนมาก เกิดกลิ่นเหม็นรุนแรง ทำให้ตนเป็นห่วงสุขภาพของประชาชนในพื้นที่นี้ จึงได้ประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อขอให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สมุทรปราการและเจ้าหน้าที่ตำรวจไปรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน พร้อมกับเร่งหาทางชดเชยและช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวอีกว่า หลังจากที่เราได้เอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำตัวผู้จัดการโรงงานมาพูดคุยในช่วงค่ำวานนี้ จึงทำให้รู้ข้อมูลต่างๆ อาทิ ที่พักของพนักงาน ปริมาณสารเคมีของโรงงาน จุดที่ตั้งแท็งก์บรรจุสารเคมี จำนวนแท็งก์ที่ระเบิดไปแล้ว รวมถึงถึงระบบปิดวาล์วท่อต่างๆ เพราะหลังจากเกิดระเบิดทุกคนต่างหนีกันหมด เจ้าของโรงงาน ผู้จัดการโรงงาน และวิศวกรก็ไม่อยู่ เจ้าหน้าที่จึงไม่มีข้อมูล และทำงานเหมือนคนตาบอด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องรีบตามหาตัวผู้จัดการโรงงานจนพบเมื่อช่วงดึก จึงทำให้รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหนและมีสารเคมีอยู่เท่าไหร่ ซึ่งช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถแก้ไขปัญหาได้
เมื่อถามว่าส่วนตัวคิดว่าจะต้องมีการปรับผังเมือง จ.สมุทรปราการใหม่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นสิ่งสำคัญที่สุด และต้องมีการตรวจโรงงานทั้งหมด เพราะโรงงานที่ตั้งในจังหวัดนี้มีหลายแห่งตั้งมานานหลายปีแล้ว และไม่รู้ว่าได้มีการไปแอบก่อสร้างหรือต่อเติมเพิ่มอีกหรือไม่ รวมถึงยังไม่รู้ว่าปริมาณสารเคมีหรือวัตถุอันตรายตอนนี้มีจำนวนทั้งหมดเท่าไหร่ ซึ่งสิ่งเหล่านี่ต้องมีการควบคุมทั้งหมด เพราะถ้าไม่มีการควบคุม แล้วเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก จะทำอย่างไร โดยในกรณีของโรงงานที่เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งนี้ยังมีโรงงานที่มีลักษณะคล้ายกัน ตั้งอยู่ห่างไปแค่ 200-300 เมตร ซึ่งโชคดีที่โรงงานเหล่านั้นยังไม่เกิดเหตุระเบิด
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลจะมีการแจ้งไทม์ไลน์หรือไม่ว่าประชาชนที่อยู่พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย จะสามารถกลับเข้ามาได้เมื่อใด ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ทางจังหวัดจะเป็นผู้แจ้งไทม์ไลน์ให้ประชาชนทราบ โดยจะต้องรอให้ สสจ.สมุทรปราการวัดปริมาณสารเจือปนในอากาศในพื้นที่รอบข้างก่อนว่าจะส่งผลกระทบต่อประชาชนมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ตนคิดว่าถ้ามีฝนตกลงมาในเวลานี้ จะส่งผลดี เพราะสารเคมีดังกล่าว เมื่อโดนน้ำ จะกลายเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ อย่างไรก็ตามต้องรอให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสารเคมีออกมาให้ความเห็นอีกครั้ง แต่สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบปริมาณสารเคมีและสารอันตรายในโรงงานที่ตั้งในพื้นที่รอบๆด้วยว่ามีอีกหรือไม่ หรือมีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งตนคิดว่าผู้ว่าฯสมุทรปราการสั่งการให้ไปตรวจสอบ
เมื่อถามว่าหลังจากนี้พรรคพลังประชารัฐจะตั้งชุดเฉพาะกิจเคลื่อนที่เร็วเข้าช่วยเหลือประชาชนในทันที หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า นี่คือสิ่งที่ตนอยากจะทำ ซึ่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้สั่งการแล้วว่าให้มีการตั้งหน่วยช่วยเหลือประชาชนในทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน.