เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 สถานีตำรวจภูธรจังหวัดตราด ได้รับแจ้งมีเหตุชิงทรัพย์ที่บ้านแก่งไพร ต.ห้วยแร้ง อ.เมือง จ.ตราด จึงรีบไปตรวจสอบ โดยพบผู้เสียหายเป็นสาวใหญ่ อายุ 45 ปี ชาว อ.เขาสมิง จ.ตราด แจ้งว่าถูกคนร้าย 4 คน ขับกระบะ สีดำ จำทะเบียนได้แค่ 46 กทม. ท้ายรถไม่ติดป้ายทะเบียน ขับรถปาดหน้ารถ และมีชาย 2 คน หัวเกรียนสูง 170 เซนติเมตร ลงจากรถขู่ทำร้าย ส่วนอีก 2 คน นั่งอยู่ในรถ คนร้ายขู่ว่าหากไม่ให้เงินจะอุ้มไปทำร้าย และยอมให้เงินจำนวน 48,000 บาท ก่อนที่คนร้ายจะขับกระบะหลบหนีไปทางบ้านโป่ง ต.วังตะเคียน อ.เขาสมิง

หลังรับแจ้งแล้ว พ.ต.อ.สมชาย อยู่สวัสดิ์ รอง ผบก.ภ.จว.ตราด ได้สั่งการทางวิทยุให้ตำรวจทุกสภ.ในเขตพื้นที่ อ.เมืองอ.บ่อไร่ และอ.เขาสมิง ตั้งจุดสกัดจุดตรวจตามเส้นทางทันที พร้อมสั่งการให้ชุดสืบสวนทั้ง 3 อำเภอติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายดังกล่าว รวมทั้งหาข่าวในพื้นที่ แกะรอยจากกล้องวงจรปิดที่คาดว่ารถต้องสงสัยจะขับผ่านเพื่อเร่งติดตามตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว

ต่อมาผู้เสียหาย เดินทางมาถึง สภ.เมืองตราด เพื่อเข้าแจ้งความต่อพนักสอบสวน ทางตำรวจชุดสืบสวนได้นำตัวไปยังห้องสืบสวนเพื่อสอบปากคำเบื้องต้น ซึ่งหลานชายผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ขับรถมาส่งอาเพื่อมาแจ้งความเท่านั้น และทราบเหตุการณ์พร้อมกันเหมือนกับที่อาแจ้งกับตำรวจ ส่วนเงินที่ถูกชิงทรัพย์ไป เป็นเงินที่อาไล่เก็บกับลูกทัวร์ เตรียมจัดไปเที่ยวเขาค้อ-ภูทับเบิก ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นเงิน 48,000 บาท อาบอกว่าเป็นเงินสำหรับจ่ายค่ารถทัวร์ ส่วนเรื่องอื่นตนเองไม่รู้เรื่อง

จากนั้น พ.ต.อ.สมชาย ได้เดินทางมาถึงสภ.เมืองตราด เพื่อทำการสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตนเอง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 นาที ในการสอบปากคำและเริ่มสงสัยอาจจะไม่ใช่เรื่องจริง ก่อนจะให้ชุดสืบสวนสภ.เมืองตราด นำตัวผู้เสียหายไปชี้จุดที่ถูกชิงทรัพย์ บนถนนทางหลวงชนบท ตร.4005 หมู่ 9 บ้านแก่งไพร ต.ห้วยแร้ง อ.เขาสมิง ที่ห่างจากสภ.เมืองตราด ประมาณ 25 กิโลเมตร

กระทั่งผู้เสียหาย ให้การยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องจริง เพราะจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามแยกต่างๆ แล้ว ไม่พบรถต้องสงสัยแม้แต่คันเดียว กระทั่งตำรวจกดดันก็ยอมรับสาราภพว่าสร้างเรื่องขึ้นมาจริงๆ ไม่มีใครชิงทรัพย์ ส่วนเงิน 48,000 บาท ก็สร้างตัวเลขขึ้นมาเอง ส่วนสาเหตุมาจากปัญหาหนี้สิน ก่อนจะควบคุมตัวไปยังสภ.เมืองตราด เพื่อนำดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหาแจ้งความเท็จ

ด้านพ.ต.อ.สมชาย กล่าวว่า หลังจากรับแจ้งจึงได้สั่งการตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เร่งติดตามคนร้ายทันที เพราะคดีนี้เป็นคดีอาญาที่ตำรวจต้องเร่งติดตามคนร้ายโดยเร็ว แต่หลังจากสอบปากคำแล้ว พบว่ามีพิรุธตั้งแต่แรก เพราะอ้างว่ามีกลุ่มคนร้ายตามตัวมาตั้งเมื่อวานกระทั่งก่อเหตุ ซึ่งตนไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง และให้หญิงสาวยอมรับว่าไม่จริง แต่ก็ไม่ยอมรับ จึงได้ให้ตำรวจนำตัวไปชี้จุดเกิดเหตุ สุดท้ายก็ยอมรับความจริงว่าไม่ใช่เรื่องจริง จึงให้ตำรวจดำเนินคดีในข้อหาแจ้งความเท็จ

“อยากจะฝากเรื่องนี้ไว้เป็นบทเรียน ซึ่งกรณีนี้เป็นเรื่องใหญ่ หากเกิดเหตุการณ์จริง ตำรวจะต้องระดมกำลังไล่ล่าคนร้ายทันที เพื่อเร่งจับกุมตัว เพื่อไม่ให้ประชาชนหวาดระแวง แต่หากไม่ใช่เรื่องจริง ก็อย่าหาทำ เพราะจะถูกดำเนินคดีมีโทษตามกฎหมาย” รอง ผบก.ภ.จว.ตราด ระบุ

สำหรับทัวร์เขาค้อ-ภูทับเบิก ที่สาวใหญ่ อายุ 45 ปี จัดทัวรไปเที่ยวนั้น จะเก็บเงินลูกทัวร์คนละ 3,000 บาท จำนวนทริป 2 วัน 1 คืน มีกำหนดเดินทางช่วงบ่ายวันที่ 19 ต.ค. นี้.