จากกรณี ไลฟ์โค้ชชื่อดัง “ฌอน บูรณะหิรัญ” เปิดรับบริจาคเงินช่วยไฟป่าภาคเหนือ ก่อนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตในประเด็นความโปร่งใส ประชาชนเรียกร้องให้ออกมาชี้แจงยอดบริจาค และรายละเอียดต่าง ๆ ที่ชัดเจน จนกระทั่งวันที่ 14 พ.ค. 64 นายฌอน เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจ โดยระบุว่าเงินที่ได้จากการบริจาค 1.3 ล้าน ใช้บริจาคไปประมาณ 1.1 ล้าน ยอดบริจาคเหลือประมาณ 2 แสน ต่อมาอัยการจังหวัดนนทบุรี ได้สั่งฟ้องฌอน ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน โกงเงินบริจาค
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้มีการนัดสืบพยานโจทก์ คดีที่อัยการจังหวัดนนทบุรียื่นฟ้อง นายฌอน บูรณะหิรัญ ในข้อหา ฉ้อโกงประชาชน โกงเงินบริจาค โดยมี นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หัวหน้าศูนย์การทะเบียนภาค 5 และเป็นอดีตปลัดอำเภอศูนย์ดำรงธรรมอำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ มาเป็นพยานในศาล โดย นายบุญญฤทธิ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 63 ได้เกิดไฟป่าอย่างรุนแรงในพื้นที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ หลังจากนั้นวันที่ 30 มี.ค. 63 นายฌอน บูรณะหิรัญ ได้มีการโพสต์เปิดรับบริจาคเงินทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า “….ผมอยู่ที่นี่ได้กลิ่นไฟไหม้ตลอด และตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัว ผมกับคนเชียงใหม่นับล้านกำลังจะตาย สิ่งนี้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ มานับ 10 ปี….” หลังจากนั้นมีประชาชนเข้าไปร่วมบริจาคเงินเข้าบัญชีนายฌอน บูรณะหิรัญ เป็นจำนวนมากสูงกว่า 1.3 ล้านบาท และ 1 ในประชาชนที่ร่วมบริจาค มีดาราชายชื่อดัง โตโน่ ภาคิน บริจาค 100,000 บาทด้วย
ขณะนั้น ตนทำหน้าที่เป็นปลัดอำเภอศูนย์ดำรงธรรมอำเภอแม่ริม ได้รับเรื่องร้องเรียนว่า นายฌอน เปิดรับเงินบริจาคจริง แต่เมื่อได้มาแล้วกลับไม่ได้เอาเงินไปช่วยตามวัตถุประสงค์ จึงมีการแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.แม่ริม วันนี้ตนมั่นใจในพยานหลักฐานที่นำมาให้ศาลดูว่าสถานีดับไฟป่า ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือใด ๆ จาก นายฌอน และได้นำรูปของ นายฌอน ที่มาลงรับบริจาค สลิปการโอนเงิน และรายชื่อผู้ที่รับบริจาค ทั้งหมดกว่า 5,980 คน ยอดเงินทั้งหมด 1,248,000 บาท ซึ่งมียอดเงินบริจาค 2 ยอด ที่ นายฌอน ได้รับบริจาคแล้วไม่ได้เอาเงินไปช่วยเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า แต่เอาไปใช่ส่วนตัว
“…อยากฝากเรื่องหมอกควันไฟป่าเป็นเรื่องสำคัญ กระทบความมั่นคง กระทบสุขภาพประชาชน เพราะฉะนั้นการเอามานำเสนอแบบนี้มันไม่ถูกต้อง อยากให้ช่วยกัน จะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป มันเป็นความเดือดร้อนของประชาชนจริง วันนี้ที่สำคัญพยานที่เดินทางมา ตั้งใจบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือ หลังจาก นายฌอน ได้เงินมาแล้ว นำไปจ่ายค่าบัตรเครดิตของตัวเอง และนำเงินไปใช้ส่วนตัว โดยถอนครั้งละ 500,000 รวมแล้วกว่าล้านบาท…” นายบุญญฤทธิ์ กล่าว.