เมื่อวันที่ 28 ก.ย. นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ดำเนินการคัดเลือกและมอบรางวัลแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อ วธ. มาตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติภาคีเครือข่ายภาคประชาชน ทั้งเด็กหรือเยาวชน บุคคลรวมทั้งนิติบุคคลหรือคณะบุคคล ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ที่มีคุณูปการต่อการดำเนินงานด้านศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมของชาติ เป็นที่ประจักษ์ถึงความมุ่งมั่น ทุ่มเทต่อการส่งเสริม สนับสนุน รักษา สืบสาน ศิลปวัฒนธรรมที่ดีงามจนประสบความสำเร็จตามภารกิจของ วธ. และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของชุมชน สังคมและประเทศชาติ สำหรับปี 2566 วธ. โดยคณะกรรมการคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อวธ.ประจำปีงบประมาณ 2566 ได้คัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อ วธ. เนื่องในโอกาสวันสถาปนา วธ. วันที่ 3 ต.ค. 2566 ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย รวม 226 รางวัล ได้แก่ รางวัลวัฒนคุณาธรประเภทเด็กหรือเยาวชน 78 ราย อาทิ น.ส.จิรภัทร รัตนพันธ์ จ.จันทบุรี, นายบทละคร จันทร์เรือง กรุงเทพมหานคร, นายยุคลเดช ปัจฉิม จ.ขอนแก่น, ด.ญ.อิซาเบลล่า เบอร์เกอร์ จ.ภูเก็ต, รางวัลประเภทบุคคล 76 รูป/คน อาทิ พระเทพวราจารย์ จ.อุบลราชธานี, นพ.ฐาปนันท์ มหิศนันท์ จ.หนองคาย, นายดำริห์ บรรณวิทยกิจ กรุงเทพมหานคร ประเภทนิติบุคคลหรือคณะบุคคล 71 แห่ง/คณะ อาทิ ชุมชนคุณธรรมบ้านเมืองรวง จ.เชียงราย, ศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราชพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน จ.ราชบุรี, สมาคมกลองและศิลปะการแสดงล้านนา จ.เชียงใหม่ เป็นต้น

นายเสริมศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ในปี 2566 วธ.ได้กำหนดรางวัลพิเศษ ซึ่งเป็นรางวัลกิตติมศักดิ์ โดยมีชื่อรางวัล คือ รางวัลวัฒนคุณาธรกิตติมศักดิ์ “ผู้นำพลังศรัทธาเสริมคุณค่าวัฒนธรรมไทย” มอบให้แก่ น.ส.ลลิษา มโนบาล (ลิซ่า) สาวไทยมากความสามารถ เกิดที่ จ.บุรีรัมย์ เติบโตที่กรุงเทพฯ ได้เดบิวต์เป็นศิลปินระดับโลก 1 ในสมาชิกวง BLACKPINK (แบล็กพิงก์) ประเทศเกาหลีใต้ เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อด้านวัฒนธรรมไทยในนานาชาติ มีผลงานเกี่ยวกับการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยเป็นที่ประจักษ์ในระดับสากล ซึ่งทำด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ จนเป็นกระแสและได้รับความนิยมจากทั่วโลก และด้วยพลังศรัทธาในตัวของลิซ่า สามารถเปลี่ยนความคิดของคนไทยโดยใช้พลัง “Soft Power” นำคุณค่าของวัฒนธรรมมาต่อยอดสร้างสรรค์สินค้าและบริการเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวและบริการทางวัฒนธรรมให้แก่ชุมชนและประเทศชาติอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะด้านการเผยแพร่ภาพลักษณ์วัฒนธรรมไทยในมิติของ Soft Power ผ่านกิจกรรมต่างๆ ไปสู่สายตาชาวโลก ได้แก่ การสวมรัดเกล้ายอด สวมชุดไทยประยุกต์จากแบรนด์เสื้อผ้าของคนไทยในอัลบั้มเดี่ยว การบอกคิดถึง “ลูกชิ้นยืนกิน” ลูกชิ้นสูตรเด็ดน้ำพริกเผาที่เมืองไทย จนทำให้บรรดาแฟนคลับเดินทางไปตามรอย การลงภาพสวมผ้าซิ่นเที่ยวโบราณสถาน ไหว้พระที่พระนครศรีอยุธยาในสื่อโซเชียล นอกจากนี้ยังมีการลงภาพอาหารและขนมไทย มีผู้ชมหลักล้าน ทำให้เป็นที่รู้จัก หาซื้อตาม ไม่ว่าจะเป็น โรตีสายไหม, หมูกระทะ และนมหนองโพ เป็นต้น