จากกรณีที่เยาวชนหญิงอายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใช้อาวุธมีดทำครัวปลายแหลม บุกจี้ชิงทอง ภายในห้างดัง ย่านรัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา ก่อนถูกจับกุมตัวไว้ได้ โดยสาเหตุมาจากนำเงินประกันชีวิตของพ่อ 50,000 บาท ไปลงทุนเล่นแชร์ออนไลน์ แล้วโดนโกงไป คิดไม่ตก จึงตัดสินใจเข้ามาชิงทอง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) กล่าวว่า การตรวจสอบการลงทุนทางการเงินของเยาวชนหญิง อายุ 17 ปี ดังกล่าว ขณะนี้ทราบตัวบุคคลต้องสงสัยฉ้อโกงเงินของเยาวชนหญิงคนดังกล่าวแล้ว พบอยู่ในพื้นที่ภาคกลาง 1 คน ซึ่งบุคคลนี้เป็นบุคคลเฝ้าระวังมีประวัติคดีฉ้อโกงจำนวนมาก ส่วนอีก 2 คน พบอยู่ในภาคเหนือและภาคใต้ โดยทั้ง 3 คน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน แต่อยู่ในวงแชร์ที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงเยาวชนหญิง 17 ปี
ทั้งนี้การตรวจสอบเชิงลึกพบว่า เยาวชนหญิง 17 ปี นำเงิน 50,000 บาท ไปลงทุนในบ้านแชร์ ชื่อ สุชาดา ซึ่งเปิดวงแชร์ออมเงินผ่านอินสตราแกรม ประมาณ 1 ปีมาแล้ว ที่ผ่านมาได้ผลตอบแทนกลับมา 14,000 บาท ก่อนที่บ้านแชร์จะปิดตัวหายไป จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เยาวชนหญิงอายุ 17 ปี มองหาช่องทางที่จะได้เงินกลับขึ้นมา จึงไปลงทุนในบ้านแชร์อีกราย ชื่อบ้านออมเงิน บายออมสิน ซึ่งเปิดวงแชร์ในอินสตราแกรมเช่นกัน ลงทุนไป 7,000 บาท ก็โดนโกงไปซ้ำอีก จึงเป็นสาเหตุให้ก่อเหตุชิงทอง โดยตำรวจเตรียมออกหมายเรียกผู้กระทำผิดมาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ ต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ในส่วนที่เยาวชนหญิงอายุ 17 ปี ก่อเหตุชิงทองเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ต้องว่าไปตามกฎหมาย โดยมีโทษทางอาญา แต่ในส่วนของการถูกโกงเงิน ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องสืบสวนตรวจสอบและปราบปรามผู้ที่หลอกลวงฉ้อโกงเงินผู้อื่น และเยาวชนหญิง 17 ปี ก็ถือว่าคือผู้เสียหายที่ถูกโกงเงิน และได้ร้องเรียนเข้ามาแล้ว เบื้องต้นเรียกมารดาและตัวเยาวชนหญิง 17 ปี เข้ามาสอบปากคำแล้ว ส่วนการตรวจสอบบ้านแชร์ออมเงินทั้ง 2 ราย พบว่า ปิดอินสตาแกรมไป และไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงกัน รวมถึงยังไม่มีประชาชนผู้ลงทุนรายอื่นใน 2 บ้านนี้เข้ามาร้องเรียนในฐานะผู้เสียหาย