เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) กล่าวกรณีที่นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ทุกกระทรวงไปทบทวนประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ไม่ได้ใช้ หรือเป็นอุปสรรคกับประชาชน รวมถึงคณะกรรมการที่ตั้งตามคำสั่ง คสช. ว่า อย่าไปคิดว่าเป็นการสังคายนา โดยเรื่องดังกล่าวเป็นกรณีที่นายกรัฐมนตรีให้คำชี้แนะต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปทบทวนทั้งประกาศและคำสั่ง คสช. รวมถึงคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่ได้รับการแต่งตั้งตามคำสั่ง คสช. ซึ่งรวมแล้วมี 174 คณะ โดยนายกฯ ให้แต่ละกระทรวงไปพิจารณา และถ้าคิดว่าประกาศหรือคำสั่งใดที่ล้าสมัย สามารถปรับแก้หรือยกเลิกได้ ก็ให้แจ้งเรื่องมาที่ ครม. เพื่อขอยกเลิกประกาศหรือคำสั่ง คสช. นั้นๆ และถ้า ครม. เห็นว่าประกาศหรือคำสั่ง คสช. ฉบับใดมีศักดิ์เทียบเท่ากับมติ ครม. ชุดปัจจุบัน ก็จะออกเป็นมติเพื่อยกเลิกของเดิม แต่หากฉบับใดมีศักดิ์เป็นกฎหมายเทียบเท่ากับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ครม. ก็ต้องให้ไปจัดทำเป็นร่าง พ.ร.บ. แล้วเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาพิจารณาออกมาเป็นกฎหมายสำหรับการยกเลิกประกาศหรือคำสั่ง คสช. ดังนั้นอย่าไปคิดว่ามันเป็นเรื่องยาก

ผู้สื่อข่าวถามว่าการได้รับมอบหมายให้กำกับดูแล สคก. ถือเป็นการทำหน้าที่เนติบริกรได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า แม้ตนไม่ได้เรียนจบด้านกฎหมาย แต่เข้าใจเรื่องงานที่ได้รับมอบ เรารู้ว่ากฎหมายฉบับใดล้าสมัย หรือฉบับใดทำให้เสียสมดุล ขณะเดียวกัน ตนไม่เคยเห็นว่ารองนายกฯ คนใดร่างกฎหมายเป็น ส่วน สส. ก็มีน้อยคนที่จะร่างกฎหมายเอง เพราะมีเจ้าหน้าที่ที่ชำนาญในการยกร่างมาช่วยดำเนินการให้

นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงการให้กำลังใจนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์จากกรณีที่กล่าวตอนท้ายในการแถลงผลประชุม ครม. นัดแรก เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ผ่านมา ว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ว่า โฆษกรัฐบาลไม่ได้เป็นนักกฎหมายโดยตรง เพราะเดิมนายชัยเป็นนายสัตวแพทย์ แต่เข้ามาทำงานกึ่งวิทยาศาสตร์และรัฐศาสตร์ ทั้งนี้ นายชัยเป็นคนเก่ง ชอบสร้างความชัดเจนให้กับเพื่อนฝูงพี่น้อง และเป็นคนที่สื่อสารเข้าใจง่าย ทำให้ประชาชนรับฟังง่าย สำหรับตนคิดว่าหน้าที่ของโฆษกรัฐบาล ไม่ต้องลงลึกในรายละเอียดมาก แต่หากสื่อมวลชนถามในเชิงลึกแล้ว โฆษกรัฐบาลพยายามตอบในเชิงลึก ก็อาจยุ่งได้ อย่างไรก็ตาม ขอให้เรียนรู้กันไป และอีก 1-2 สัปดาห์จากนี้ การทำหน้าที่ของโฆษกรัฐบาลก็คงจะเข้าที่