เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ภายหลังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เข้าทำงานวันแรก ได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงยุติธรรม ศาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ศาลตายาย และพระพุทธยุติธรรมโลกนาถ​ เพื่อความเป็นสิริมงคล​ เนื่องในโอกาสเข้าปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอย่างเป็นทางการ โดยมีนางพงษ์สวาท​ นีละโยธิน​ ปลัดกระทรวงยุติธรรม​ นายวัลลภ นาคบัว นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ นางอรัญญา ทองน้ำตะโก พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองปลัดกระทรวงยุติธรรม​ และคณะผู้บริหารส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม​ ให้การต้อนรับ​และร่วมแสดงความยินดีในการดำรงตำแหน่งใหม่​

รวมถึงในช่วงเวลา 13.00 น. ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมหารือร่วมกับอธิบดีกรมต่างๆ และตัวแทนกรม เพื่อรับทราบนโยบายแผนงานที่จะดำเนินการหลังจากนี้ในห้วงระยะเวลา 100 วัน หรือ 3 เดือน เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมจึงได้ลงมาจากชั้น 10 และดำเนินการแถลงนโยบาย พร้อมตอบข้อซักถามกับสื่อมวลชน

โดย พ.ต.อ.ทวี ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนเรื่องการนอนพักรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ภายนอกเรือนจำของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีกรอบครบกำหนดการรักษาตัว จำนวน 30 วัน ตอนหนึ่งว่า พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 มีการแก้ไข ซึ่งการแก้ไขดังกล่าวเพื่อเป็นการยกระดับกรมราชทัณฑ์ให้สอดคล้องกับหลักสหประชาชาติและมาตรฐานการควบคุมตัวผู้ต้องขัง จะต้องเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบ โดยจะไม่มีใครอยู่นอกเหนือระเบียบดังกล่าว และขณะนี้ยังเป็นขั้นตอนของทางกรมราชทัณฑ์ ซึ่งภายในที่ประชุมวันนี้ ยังไม่ได้มีการพูดถึงในประเด็นดังกล่าว

แต่ตามหลักการการนอนพักรักษาตัวภายนอกเรือนจำนั้น เป็นอำนาจของผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยถ้าหากมีการนอนพักรักษาตัวนานเกินกว่า 30 วัน จะต้องมีการขอความเห็นชอบจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และเอกสารหลักฐานของแพทย์มาประกอบ แต่หลักสำคัญจะต้องเป็นเรื่องความเห็นของแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนถ้าหากมีการรักษานานเกินกว่า 60 วัน จะเป็นการขอความเห็นชอบจากปลัดกระทรวงยุติธรรม และถ้าหากเกินกว่า 120 วัน จะต้องขอความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของระเบียบกฎกระทรวง ทั้งนี้ หลักการสำคัญคือจะต้องควบคุมไม่ให้ผู้ต้องขังหลบหนี และไม่ให้ไปก่อเหตุร้าย

ต่อข้อถามว่าในกรณีของนายทักษิณ จะได้มีการพิจารณาเรื่องการพักการลงโทษหรือไม่ เพราะหากเข้าเกณฑ์ได้รับการพักการลงโทษจริง จะต้องมีการส่งไม้ต่อจากกรมราชทัณฑ์ไปยังกรมคุมประพฤติ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตามที่เรียนแจ้งไปว่าจะต้องอยู่ในหลักนิติธรรม ซึ่งเป็นหลักสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คือการที่ไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้มีอำนาจ ซึ่งจะต้องทำตามกฎหมาย จะทำตามอำเภอใจไม่ได้.