เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.สพ.ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการนัดแรก ว่า การแถลงข่าวของตนในวันนี้ (13 ก.ย.) ถือเป็นครั้งแรกหลังจากตนได้รับคำสั่งแต่งตั้งให้ทำหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเป็นการแถลงข่าวทางการเมืองอย่างเป็นทางการครั้งแรกในชีวิตของตน  

น.สพ.ชัย กล่าวอีกว่า จากกรณีที่มีความเห็นต่างในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ที่ประชุม ครม. จึงมีนโยบายว่าการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่มีขึ้น หลังจากพรรคเพื่อไทยได้ยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแล้ว และผ่านไป 2 วาระแล้ว แต่สุดท้าย ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นำกลับไปฟังเสียงประชาชนก่อน ดังนั้น ในการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะต้องมีการทำประชามติ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นว่าควรจะถามเรื่องอะไรบ้างในการทำประชามติ จากนั้นจะถือเป็นแนวทางในการทำประชามติเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ มีหลักการสำคัญ คือ 1.ต้องทำให้รัฐธรรมนูญมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น 2.ไม่แก้ไขหมวดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์

น.สพ.ชัย กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นผู้รับผิดชอบแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติยึดเอาแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ แล้วเชิญชวนให้ตัวแทนประชาชนกลุ่มต่างๆ เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่าในการทำประชามติเพื่อให้ผลที่ออกมาเป็นฉันทามติ เพราะการทำประชามติแต่ละครั้ง ใช้เงินงบประมาณจำนวนมาก จึงต้องออกแบบคำถามและรูปแบบการทำประชามติที่ถามครั้งเดียวแล้วได้ความชัดเจน โดยขณะนี้รายละเอียดในส่วนนี้ยังไม่ออกมา แต่เบื้องต้นมีหลักการออกมาว่าประชาชนมีส่วนร่วม และนายกฯ ยังไม่กำหนดการกรอบเวลาของการทำงานเรื่องนี้ รวมถึงยังไม่กำหนดว่าต้องทำประชามติเมื่อไหร่ แต่บอกว่าให้ทำงานเร็วที่สุด

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้เคยมีคณะกรรมการในสภา และภาคประชาชนหลายกลุ่ม อาทิ ไอลอว์ ได้จัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาแล้ว เหตุใดรัฐบาลจึงต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาอีก และจะถูกมองว่าตั้งใจยื้อเวลาหรือไม่ น.สพ.ชัย กล่าวว่า ข้อเสนอต่างๆ จากกลุ่มต่างๆ ที่รวมถึงของกลุ่มไอลอว์ด้วยนั้น รัฐบาลนำมารับฟังและพิจารณาด้วยแน่นอน ไม่ละทิ้ง ขณะเดียวกันยังมีประชาชนอีกหลายกลุ่มที่อยากเข้ามามีส่วนร่วม ดังนั้น เราต้องการรับฟังให้รอบด้าน จึงขออย่ามองว่ารัฐบาลดึงเวลา ทั้งนี้ เราตระหนักว่าไอลอว์เป็นองค์กรหนึ่งที่มีคุณภาพ แต่อย่าลืมว่าประชาชนในประเทศมีความหลากหลาย และมีกลุ่มที่เห็นต่าง จึงขอเวลาให้รัฐบาลอีกนิด ในการทำความเข้าใจกับประชาชน เพื่อให้มันถึงเวลาที่ผลออกมาแล้วไม่เกิดการถกเถียงในภายหลัง