ความเคลื่อนไหวของการเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย คนใหม่ ภายหลังจากที่ “บิ๊กจา” พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ นายกสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย ได้ถึงแก่อนิจกรรม ด้วยวัย 91 ปี เมื่อวันที่ 21 ส.ค. และได้มีพิธีพระราชทานเพลิงศพอย่างสมเกียรติ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา ท่ามกลางความอาลัยของคนวงการกีฬาและพี่น้องในแวดวงตะกร้อไทย ที่มาร่วมแสดงความเสียใจจำนวนมาก ทำให้ตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย “ว่างลง” ซึ่งตามระเบียบของสมาคมฯ จะต้องดำเนินการจัดการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ คนใหม่ ภายใน 30 วัน ซึ่งมีสโมสรสมาชิกที่มีสิทธิออกเสียงทั้งสิ้น 32 สโมสร

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า สมาคมฯ ที่กำหนดจัดการประชุมเพื่อกำหนดวาระการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ คนใหม่ ไว้ในวันที่ 16 ก.ย. ที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน เวลา 10.30 น. และมีการคาดหมายว่าจะมีแคนดิเดทผู้ลงชิงตำแหน่ง “นายกสมาคมฯ” จำนวน 3 คน ประกอบด้วย “บิ๊กต้อม” ธนา ชัยประสิทธิ์ รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ และหัวหน้าคณะนักกีฬาไทย, นายบุญชัย หล่อพิพัฒน์ รองประธานสหพันธ์เซปักตะกร้อนานาชาติ ในฐานะเหรัญญิกสมาคมกีฬาตะกร้อฯ และ ดร.สีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ นายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นบุตรชายของ พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ อดีตนายกสมาคมกีฬาตะกร้อฯ

ล่าสุด ดร.สีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ ซึ่งเป็นหนึ่งผู้ที่มีการคาดหมายว่าจะลงชิงตำแหน่ง “นายกสมาคมกีฬาตะกร้อฯ” เปิดเผยว่า ก่อนอื่นต้องขอเรียนว่า จากที่มีประเด็นตนเองว่าจะลงชิงตำแหน่ง “นายกสมาคมกีฬาตะกร้อฯ” นั้น อาจเป็นความเข้าใจผิด แม้ว่าที่ผ่านมาคุณพ่อ (พล.ต.จารึก) อยากให้เข้ามาช่วยงานและพัฒนาวงการตะกร้อมาโดยตลอดก็ตาม แต่ตนเองไม่มีความคิดที่ลงชิงตำแหน่ง “นายกสมาคม” เลยแม้แต่น้อย

“ก่อนที่คุณพ่อจะจากไป เราได้มีการพูดคุยกัน และท่านก็แสดงเจตนารมณ์ว่าอยากให้ได้ผู้มีความรู้ความสามารถ มีบารมีและมีความซื่อสัตย์ เข้ามาดูแลสมาคมฯ แทนคุณพ่อ โดยเฉพาะ “คุณต้อม” ธนา ไชยประสิทธิ์ เพื่อเข้ามาช่วยพัฒนาวงการตะกร้อ และเผยแพร่กีฬาตะกร้อไปสู่สากลให้ได้มากยิ่งขึ้น เพราะท่านอยากเห็นกีฬาตะกร้อก้าวไปสู่การแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ ให้ตามที่เคยพยายามผลักดันมาโดยตลอด”

“ผมขอยืนยันว่าจะไม่ลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาตะกร้อฯ อย่างแน่นอน เพราะอย่างทราบกันอยู่แล้ว ที่ผ่านมาผมไม่ได้คลุกคลีอยู่วงการตะกร้อเหมือนกับคุณพ่อ และไม่มีเสียงสนับสนุนจากสโมสรสมาชิก ทำให้คิดเคยมีความคิดลงชิงตำแหน่งอยู่แล้ว และทราบถึงเจตนารมณ์ของคุณพ่อเป็นอย่างดี ซึ่งผมพร้อมจะสนับสนุนคุณต้อมอย่างเต็มที่ และหากคุณต้อมอยากให้เข้ามาช่วยพัฒนาการตะกร้อ ผมก็พร้อมโดยการเข้ามาเป็นที่ปรึกษา หรืองานที่ถนัด อย่างเรื่องงานต่างประเทศ ผมก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง” ดร.สีหศักดิ์ ย้ำ

“ที่สำคัญที่ผ่านมา คุณพ่ออยากที่ให้ตนเข้ามาช่วยดูแลและพัฒนามูลนิธิศูนย์ฝึกสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศ ให้มีความทันสมัยมากขึ้น เพื่อที่เข้ามาช่วยพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาไทย โดยเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา ที่เรายังคิดตรงนี้อยู่ ทำให้ตนเองหวังที่จะได้มีโอกาสเข้าทำงานตรงนั้นมากกว่า เพื่อเป็นสืบทอดเจนตนารมณ์ของคุณพ่ออย่างที่ท่านตั้งใจไว้นั่นเอง” ดร.สีหศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย