ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ยะลา ข้อมูล ณ วันที่ 13 ก.ย.64 พบผู้ติดเชื้อ 366 ราย ติดเชื้อสะสม 15,335 ราย เสียชีวิต 2 ราย เสียชีวิตสะสม 144 ราย รักษาหาย 11,697 ราย ขณะที่ยอดเข้ารับการฉีดวัคซีนล่าสุด สะสม 223,237 คน คิดเป็น 62.92 เปอร์เซ็นต์

ขณะที่นายณัฎฐ์กร บุญโรภาคย์ นอภ.รามัน ได้เสนอในที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดยะลา เพื่อขอเปิดการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่เดินทางมาติดต่อทำธุรกรรมทางการเงินที่ธนาคาร ทั้ง 3 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ธ.ก.ส. และธนาคารอิสลามฯ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เนื่องจากธนาคารจะเป็นสถาบันทางการเงินที่ประชาชนมาใช้บริการทุกวัน และมีจำนวนมาก การฉีดวัคซีนจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเอง ชุมชน ตำบล หมู้บ้าน เป็นการเพิ่มจำนวนการเข้ารับบริการฉีดวัคซีน ให้เกินร้อยละ 70 ในพื้นที่ ทั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ รพ.รามัน บุคลากรทางการแพทย์ สสอ.รามัน อปท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำรถบริการวัคซีนเคลื่อนที่ (Vaccine Mobile) มาบริการฉีดวัคซีนที่ธนาคาร

นายณัฎฐ์กร เปิดเผยว่า แนวคิดนำร่องการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่มาติดต่อธนาคาร ทำธุรกรรมทางการเงิน เกิดจากประชาชนในพื้นที่ มาใช้บริการที่ธนาคาร ทั้ง 3 แห่งในอำเภอมีจำนวนมาก ยืนรอที่หน้าธนาคาร ทาง อ.รามัน จึงได้ขออนุมัติในที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ยะลา ให้ประชาชนที่จะขึ้นมารับบริการในธนาคาร ต้องฉีควัคซีนมาแล้ว อย่างน้อย 1 เข็ม จึงจะสามารถเข้ารับบริการทางธุรกรรมที่ธนาคารได้ แต่หากยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ทางอำเภอได้เปิดจุดบริการฉีดวัคซีน มีเจ้าหน้าที่ รพ.รามัน บุคลากรทางการแพทย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ออกหน่วยนำรถบริการวัคซีนเคลื่อนที่ (Vaccine Mobile) รพ.รามัน ฉีดถึงที่ ซึ่งในวันนี้มีประชาชนเข้ารับการฉีด 50 คน จะดำเนินการไปซักระยะหนึ่ง เพื่อให้ประชาชนที่มาติดต่อธนาคารได้ตื่นตัว เข้ารับการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้มากที่สุด

สำหรับสถานการณ์การฉีดวัคซีนในพื้นที่ อ.รามัน เป้าหมายอายุเกิน 18 ปี มีกว่า 70,000 คน ฉีดไปแล้วประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ในพื้นที่ ยอดการฉีดยังน้อยอยู่ ทางอำเภอได้รณรงค์ประชาสัมพันธ์เชิงรุกในพื้นที่ตำบล และหมู่บ้าน ตั้งเป้าในเดือน ก.ย.นี้ จะดำเนินการฉีดวัคซีนได้ 50เปอร์เซ็นต์ ของประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และพี่น้องประชาชนในพื้นที่