“เกาะคาร์ตี ซุกตูปู” (Carti Sugtupu) นอกชายฝั่งตอนเหนือของปานามา ซึ่งล้อมรอบด้วยนํ้าทะเลใสสะอาด และมีประชากรหนาแน่น มีพื้นที่เหลือประมาณ 1 นิ้วเท่านั้น เนื่องจากบ้านเรือนที่กระจุกตัวกันอย่างเบียดเสียด จนบางหลังต้องยื่นออกไปในทะเล

ชนพื้นเมืองของเกาะ ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่า 2,000 คน ดำรงชีวิตด้วยการประมง, การเก็บเกี่ยวพืชประเภทแป้ง เช่น มันสำปะหลัง และกล้วย, การผลิตสิ่งทอแบบดั้งเดิม และการท่องเที่ยวเล็กน้อย แต่มันไม่ใช่ชีวิตที่เรียบง่าย เพราะพวกเขาอยู่อาศัยโดยไม่มีนํ้าดื่มและสุขาภิบาล มิหนำซํ้า อากาศที่ร้อนจัดและการขาดแคลนบริการสาธารณะ ยังเพิ่มความไม่สะดวกสบายบนเกาะที่มีสภาพแออัดอีกด้วย

เนื่องจากบ้านเรือนถูกนํ้าท่วมเป็นประจำ ผู้สันทัดกรณีหลายคนจึงกล่าวว่า ทะเลจะเข้าท่วมเกาะคาร์ตี ซุกตูปู และเกาะใกล้เคียงหลายสิบแห่ง ในภูมิภาคกูนายาลา ภายในสิ้นศตวรรษนี้

“ความจริงคือ เมื่อระดับนํ้าทะเลสูงขึ้น อันเป็นผลพวงโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เกาะเกือบทั้งหมดจะจมบาดาลภายในสิ้นศตวรรษนี้” นายสตีเวน พาตัน นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัยเขตร้อนสมิธโซเนียน (เอสทีอาร์ไอ) ซึ่งตั้งอยู่ในปานามา กล่าว

ขณะที่ นางแมกดาเลนา มาร์ติเนซ ครูเกษียณวัย 73 ปี กล่าวว่า ทุกคนบนเกาะสังเกตเห็นระดับนํ้าทะเลที่เพิ่มขึ้น และเธอเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้อยู่อาศัยหลายร้อยคน ที่คาดว่าจะย้ายไปตั้งถิ่นฐานบนแผ่นดินใหญ่ของปานามา ซึ่งสร้างขึ้นใหม่โดยรัฐบาล นับเป็นความเคลื่อนไหวที่อาจช่วยชีวิตชาวเกาะ แต่กลับสร้างความเสี่ยงต่อวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของพวกเขา

อนึ่ง เกาะคาร์ตี ซุกตูปู ไม่มีนํ้าดื่ม ส่งผลให้ชาวบ้านต้องนั่งเรือออกไปหานํ้าจากที่อื่นแทน ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อยู่อาศัยส่วนมากมีไฟฟ้าใช้แค่ 2-3 ชั่วโมงต่อวัน จากเครื่องปั่นไฟสาธารณะ อีกทั้งบ้านทุกหลังก็ไม่มีห้องนํ้าเป็นของตัวเอง และปัญหาพื้นที่คับแคบเช่นนี้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถต่อเติมส่วนขยายของบ้าน หรือสร้างพื้นที่ให้เด็ก ๆ เล่นได้

ด้านองค์กรสิทธิมนุษยชน “ฮิวแมน ไรตส์ วอตช์” (เอชอาร์ดับเบิลยู) ระบุในรายงานล่าสุดเกี่ยวกับเกาะแห่งนี้ว่า อุทกภัยและพายุ ทำให้ชีวิตของคนบนเกาะลำบากมากขึ้น เพราะมันส่งผลกระทบต่อที่อยู่อาศัย นํ้า สุขภาพ และการศึกษา ซึ่งสภาพอากาศสุดขั้วเช่นนี้ คาดว่าจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งกว่าเดิม เนื่องจากวิกฤติสภาพอากาศทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

ภายหลังคำสัญญาและความล่าช้านานหลายปี ในที่สุดรัฐบาลปานามาก็ประกาศว่า ภายในสิ้นปีนี้ หรือช่วงต้นปี 2567 ทางการจะพร้อมย้ายครอบครัวบนเกาะไปยังแผ่นดินใหญ่ โดยใช้เวลานั่งเรือไปแค่ 15 นาที

นายมาร์กอส ซุยรา ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมแห่งชาติ จากกระทรวงการเคหะและการวางแผนดินแดนของปานามา กล่าวถึงแผนนำร่องนี้ว่า รัฐบาลกำลังสร้างบ้าน 300 หลัง สำหรับครอบครัว 300 ครอบครัว โดยแต่ละครอบครัวจะมีที่ดิน 300 ตารางเมตร รวมถึงบ้าน 2 ห้องนอน ตลอดจนมีนํ้าดื่มและไฟฟ้าให้พร้อมสรรพ.