เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่ง คดี อ.1090/2566 ที่ นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม จำเลย คดีวางยาฆาตกรรม ฟ้องนายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานเหยื่อคดี แอม ไซยาไนด์ เป็นจำเลย ฐานความผิดหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา หลังไปออกรายการดังช่องหนึ่ง

ก่อนเข้าฟังคำสั่ง น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ หรือ ทนายกุ้ง เปิดเผยว่า วันนี้ศาลได้นัดฟังคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องคดีนี้หรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการไต่สวนไปแล้ว 2 นัด โดยนางสรารัตน์ ได้ฟ้องนายรพี ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีที่ไปให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง โดยใช้คำพูดว่า “โกหกเจ้าหน้าที่จนหัวปั่นและหลอกตำรวจ” ซึ่งเป็นการพูดตามข้อเท็จจริง ซึ่งในวันนี้นายรพี ไม่ได้มาร่วมฟังคำสั่ง เนื่องจากติดภารกิจอยู่ต่างจังหวัด

ด้าน น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช ทนายความของ นางสรารัตน์ เปิดเผยก่อนเข้าห้องพิจารณาว่า หากคดีนี้ศาลมีคำสั่งว่าคดีไม่มีมูล ตนก็จะอุทธรณ์ต่อไป แต่ถ้าศาลเห็นว่าคดีมีมูลและมีคำสั่งรับฟ้อง กรณีที่นายรพี ไม่มาฟังคำสั่ง ตนเองก็จะส่งหมายศาลไปยังภูมิลำเนา

ทนายพัช

อย่างไรก็ตาม มีความมั่นใจในพยานหลักฐานที่จะเอาผิดกับนายรพีได้ ซึ่งนายรพี ก็ยอมรับเองว่าบุคคลที่อยู่ในคลิปนั้น เป็นตนเองจริง ในชั้นนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาว่ามีองค์ประกอบความผิดหรือไม่ ส่วนการกระทำดังกล่าวจะเป็นความผิดหรือไม่นั้น ก็จะเป็นอีกชั้นหนึ่ง คือศาลต้องรับฟ้องก่อน เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาคดีต่อไป

โดยศาลพิเคราะห์แล้ว การที่ นายรพี จำเลย ได้รับมอบอำนาจจากมารดาผู้ตายให้ดำเนินการแทนได้ เรื่องให้ข้อมูลทางภาครัฐและทางสื่อมวลชน ดังนั้นที่จำเลยออกไปให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่าโกหกตำรวจจนหัวปั่นนั้น เป็นข้อเท็จจริง จากแนวทางการสืบสวนของตำรวจ ในรายการหนึ่ง จึงเป็นการกล่าวโดยสุจริต ไม่เป็นความผิด ยกฟ้องชั้นไต่สวนมูลฟ้อง

ทนายกุ้ง

หลังศาลมีคำสั่ง น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ หรือ ทนายกุ้ง ทนายจำเลย เปิดเผยว่า ศาลได้มีคำสั่งยกฟ้องโดยให้เหตุผลว่า นายรพี ได้รับมอบอำนาจจากญาติผู้เสียหาย ซึ่งการให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโทรทัศน์นั้น เป็นไปตามข้อเท็จจริงจากการสืบสวนของตำรวจ ซึ่งได้รับรายงานจากตำรวจชุดคลี่คลายคดี เป็นการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่รัฐด้วย จึงเป็นการให้สัมภาษณ์โดยสุจริต ซึ่งฝ่ายโจทก์มีสิทธิที่จะยื่นอุทธรณ์ภายใน 1 เดือน หรืออาจจะขยายได้ครั้งละ 1 เดือน ซึ่งนายรพีเองก็รู้สึกดีใจที่ได้รับความยุติธรรมจากศาลในครั้งนี้

ด้าน น.ส.ธันย์นิชา หรือทนายพัช เปิดเผยว่า หลังจากนี้เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งภายใน 30 วัน หลังมีพยานหลักฐานใหม่ที่ยื่นต่อศาลไปแล้วเมื่อวานนี้ เป็นเอกสารเกี่ยวกับใบรับมอบอำนาจมารดาของผู้เสียชีวิตให้กับนายรพี ซึ่งพบความผิดปกติ โดยในเอกสารมอบอำนาจ ลงวันที่ 14 เม.ย. 2566 แต่เอกสารสำเนาบัตร ที่ใช้ยื่นประกอบรับรองการมอบอำนาจ พบเป็นวันที่ 1 พ.ค. 2566 ซึ่งอาจเป็นการออกบัตรหลังจากที่มีการทำหนังสือมอบอำนาจ ซึ่งเชื่อว่าจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงคำสั่งในชั้นอุทธรณ์ต่อไป ส่วนเรื่องคดีความของแอมไซยาไนด์ ที่ตำรวจอ้างว่าจะมีการสรุปสำนวน ฟ้องแอมรวมทั้งหมด 15 สำนวน ขณะนี้มีเพียงสำนวนเดียวของ น.ส.ก้อย ที่ส่งมาถึงอัยการเท่านั้น ฝากไปถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่กำกับดูแลคดีดังกล่าว ว่า ความคืบหน้าในการทำสำนวนที่เหลือไปถึงไหนแล้ว หากตำรวจไม่มีการฟ้องสำนวนที่เหลือตามที่มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อไว้ เตรียมฟ้องกลับกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงญาติผู้เสียชีวิตที่เหลือด้วย.