นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้รัฐวิสาหกิจเข้ามาช่วยเหลือประชาชน โดยพิจารณาหาแนวทางจัดทำแผนงานการจ้างงานในด้านต่าง ๆ เช่น งานด้านสิ่งแวดล้อม โยธา และการรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สิน ที่อาจเป็นการจ้างงานในรูปแบบพิเศษ เพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ที่มีปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อช่วยเหลือประชาชนคนที่ตกงานได้มีรายได้ประจำวันด้วย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้บอกในที่ประชุมว่าการพัฒนาและทิศทางการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ จะต้องเป็นการพลิกโฉมประเทศไทย โดยพุ่งเป้าความต้องการในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข เพื่อเพิ่มจีดีพีประเทศ และรัฐวิสาหกิจที่มีขีดความสามารถเน้นการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มากขึ้น รวมทั้งมีการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล ให้ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อเป็นรายได้เข้าสู่ประเทศ ซึ่งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชนและธุรกิจจะต้องช่วยกันขับเคลื่อนเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศโดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานราก
นายธนกร กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์การเสนอกรอบนโยบายการพัฒนาและทิศทางการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดส่งร่างหลักเกณฑ์กรอบนโยบายฯ ให้กระทรวงเจ้าสังกัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป พร้อมกับเห็นชอบในหลักการการจัดตั้งบริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอ โดยให้การเคหะแห่งชาติพิจารณาดำเนินการตามความเห็นของฝ่ายเลขานุการฯ และเห็นชอบให้ พม. นำเสนอ ครม.พิจารณาต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุม ยังรับทราบผลการดำเนินงานของบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ ณ สิ้นปี 63 และรับทราบการจัดกลุ่มบริษัทในเครือใหม่เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 กลุ่มบริษัทในเครือที่มีการดำเนินการสอดคล้องกับภารกิจตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ และแบ่งเป็นกลุ่มย่อยตามผลประกอบการด้านการเงิน คือ กลุ่มที่มีผลประกอบการมีกำไร และผลประกอบการขาดทุน กลุ่มที่ 2 กลุ่มบริษัทในเครือที่มีการดำเนินการไม่สอดคล้องกับภารกิจตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ กลุ่มที่ 3 กลุ่มบริษัทในเครือที่จัดตั้งขึ้นตามความจำเป็นต่อการดำเนินภารกิจเฉพาะตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ