“ครูโอเล่ห์” พงษ์ศักดิ์ เหรียญทวนทอง หรือ ปราบปรามเล็ก ศิษย์สันทัด อดีตมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทยและอดีตแชมเปี้ยนมวยไทย เวทีราชดำเนิน ลงหลักปักฐาน หลังไปเป็นครูมวยในต่างแดนนับสิบกว่าปี ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ก.ย. พงษ์ศักดิ์ ได้จัดพิธีเปิดโรงยิมสอนมวยไทยของตัวเองอย่างเป็นทางการในนาม “โอเล่ห์ มวยไทย แอนด์ ฟิตเนส” ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติ ลูกศิษย์ชาวจีนและต่างประเทศ ร่วมงานอย่างอบอุ่น ซึ่งยิมดังกล่าวตั้งอยู่ย่านไทจี๋ เกาะฝั่งเกาลูน (ฮ่องกง)

“ครูโอเล่ห์” เผยว่า ตนเป็นชาวระยอง หลังจากเลิกชกมวยแล้วเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ก็หันมาเป็นครูสอนมวยไทยในต่างแดน จากการชักชวนของ ปราบศึกเล็ก ศิษย์สันทัด อดีตนักมวยเก่ารุ่นน้อง ตนมาสอนมวยในฮ่องกง 1 ปี แล้วย้ายไปสอนที่กรุงปักกิ่ง 2 ปี จากนั้นกลับมาอีกครั้งที่ฮ่องกง เป็นครูสอนยาวจนถึงปัจจุบัน มีเจ้านายผู้ใจดีและมีพระคุณอย่างสองสามีภรรยา คือ เคลวิน อไบรา และ เอลลี อไบรา ซึ่งเป็นเจ้าของโรงยิมอไบรา เป็นสถานบริการสอนมวยไทยและฟิตเนสออกกำลังกาย ย่านมงก๊ก ฝั่งเกาลูน ให้การสนับสนุน โดยมีลูกศิษย์มากมายทั้งชาวจีนและฝรั่งต่างชาติ

“เก็บเงินสะสมและตัดสินใจเปิดโรงยิมสอนมวย ฟิตเนส เป็นของตัวเองเดินตามความฝัน ใช้เงินทุนส่วนตัวเบื้องต้นราวๆ 4-5 ล้านบาท ทำธุรกิจเป็นกิจการตัวเอง ทั้งนี้ต้องขอบคุณผู้สนับสนุนมากมาย นอกจากเจ้านายเก่า อไบรา แล้ว ยังมีบรรดาลูกศิษย์ ที่ช่วยสนับสนุน กันมายาวนาน รวมทั้ง จุไรรัตน์ แต้มพงษ์ ภรรยาสุดที่รักที่เมืองไทย ที่ลืมไม่ได้คือหุ้นส่วนสำคัญอย่าง ลอรา ไล Lora Lai เพื่อนผู้แสนดีชาวฮ่องกง ที่ช่วยสนับสนุนเต็มที่ และยังมี เฮนรี ลุย ลูกศิษย์เศรษฐีในฮ่องกง ตลอดจนคุณสินีนุช โกกนุทาภรณ์ ฯลฯ ทำให้ผมมีวันนี้ขึ้นมาได้”

อดีตนักมวยชื่อดังของไทย เผยอีกว่า เราทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยวิชาชีพมวยไทยในต่างแดน ถึงวันนี้พอลืมตาอ้าปากตั้งหลักได้ ก็เลยขอลาออกเพื่อมาทำธุรกิจของตัวเอง เราเติบโตมาจากมวยไทย จึงอยากใช้ชื่อ “โอเล่ห์ มวยไทย แอนด์ ฟิตเนส” ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในย่านไทจี๋ บนฝั่งเกาลูน เกาะฮ่องกง หากพี่น้องชาวไทย แวะผ่านมาเที่ยว อย่าลืมมาเยี่ยมชม นอกจากนี้ตนยังพร้อมยินดีเปิดกว้าง ขอต้อนรับสำหรับนายทุนชาวไทยผู้สนใจจะเข้ามาสนับสนุนเป็นสปอนเซอร์ ทั้งในส่วนของอุปกรณ์การฝึกซ้อม ผลิตภัณฑ์มวยไทย ก็ยินดีต้อนรับเป็นอย่างยิ่ง เพราะแบรนด์มวยไทย สินค้าของไทยนั้นเป็นที่ทราบกันดี และเป็นที่ยอมรับในระดับโลก จึงอยากมีส่วนร่วมและภูมิใจในการเผยแพร่สิ่งเหล่านี้ไปด้วยกัน

ส่วนการดำเนินชีวิตในฮ่องกงช่วงวิกฤติไวรัสโควิด-19 นั้น ปราบปรามเล็ก บอกว่า สถานการณ์ทั่วไปในฮ่องกงนั้น ค่อนข้างนิ่งเพราะคนส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนป้องกัน จึงไม่ค่อยมีปัญหา ขณะเดียวกันเมื่อมีโควิด ปัญหาการเมืองของเด็กรุ่นใหม่กับรัฐบาลกลางจีน ก็ดูเบาบางลงไป จึงไม่มีผลกระทบใดๆ วิถีชีวิตที่นี่จึงเป็นไปตามปกติ ส่วนโรงยิมฯ ยังคงมีสมาชิกและลูกศิษย์มาลงทะเบียนเรียน รวมทั้งกำลังรอวีซ่าของนักมวยไทย รุ่นน้องอีก 2 คน ที่จะเดินทางจากไทยมาช่วยเป็นเทรนเนอร์และผู้ฝึกสอนที่นี่อีกด้วย

สำหรับประวัติของ พงษ์ศักดิ์ เหรียญทวนทอง เกิดที่จังหวัดระยอง เป็นมวยไทยอาวุธครบเครื่อง ถือเป็นมวยรุ่นใหญ่ระดับคุณภาพ คว้าแชมเปี้ยนมวยไทย เวทีราชดำเนิน รุ่น 130 ปอนด์ ด้วยการชนะคะแนน พันธุ์นารายณ์ ศ.สุวรรณภักดี ป้องกันตำแหน่งไว้ได้ถึง 5 ครั้ง ก่อนจำต้องสละเข็มขัดเพราะไม่มีคู่ต่อกรที่เหมาะสม เคยแพ้คะแนน นำขบวน หนองกี่พาหุยุทธ ในการชิงแชมป์ สภามวยไทยโลก รุ่น 130 ปอนด์, แพ้คะแนน แสงเทียนน้อย ส.รุ่งโรจน์ ในการชิงแชมป์เวทีลุมพินี รุ่น 135 ปอนด์ ถือเป็นมวยเอกฝั่งเวทีราชดำเนิน ร่วมยุคสมัย 3 ทหารเสือของค่าย “ศิษย์สันทัด” ของ สารวัตรสันทัด ผ่องแผ้ว ที่มี ปราบศึก และ ปราบปราม ร่วมเป็นมวยไทยประดับค่ายในยุคนั้น

ส่วนมวยสากลสมัครเล่น รับราชการสังกัดทหารเรือ ยศ จ่าเอก พร้อมรับใช้ชาติ สร้างผลงานเชิงกำปั้น ดีกรี แชมป์ประเทศไทย 6 สมัย, เหรียญทอง เวิลด์ กรังปรีซ์ ที่สาธารณรัฐเช็ก, เหรียญทอง คิงส์คัพ, เหรียญเงิน ซีเกมส์ 2 สมัย (ชวดแชมป์แบบค้านสายตาที่มาเลเซีย และ บรูไน), เหรียญทองแดง เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ปี 2541 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ, ตกรอบแรก โอลิมปิกเกมส์ ปี 2000 ที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

จากนั้นเทิร์นโปรชกมวยสากลอาชีพ เคยไปชิงแชมป์พาบ้า ที่อินโดนีเซีย แพ้คะแนนค้านสายตาให้แก่ ดาดา บาฮารี นักมวยเจ้าถิ่น และชกมวยสากลอาชีพอีก 4-5 ไฟต์ ในต่างแดน อาทิ อุซเบกิสถาน ปี 2550 ก่อนแขวนนวมหันไปเป็นครูสอนมวยไทย จนถึงปัจจุบัน