จากกรณีทวิตเตอร์ @FreeYOUTHth โพสต์ภาพรถควบคุมผู้ต้องหาคันหนึ่ง เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา พร้อมระบุข้อความว่า “ด่วน!! ตำรวจตั้งใจขับรถชนเยาวชนที่พยายามวิ่งหนีจนตัวปลิว! จะฆ่ากันให้ตายเลยใช่ไหม ไอ้ฆาตกร! #ม็อบ12กันยา #คฝเป็นฆาตกร” ขณะเดียวกัน ชาวเน็ตพากันแชร์คลิปเหตุการณ์ขณะที่รถคันดังกล่าว พุ่งชนชายวัยรุ่นบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ #คฝเป็นฆาตกร นั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษเภตรา ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า เป็นตำรวจจริงโดยได้รับคำสั่งให้นำรถควบคุมผู้ต้องขังไปเฝ้าสังเกตุการณ์ที่ ตร. เมื่อเหตุการณ์ยุติก็ย้ายไปที่ บช.ปส. กระทั่งเมื่อเวลา 23.00 น. มีการเปิดการจราจรตามปกติ จึงได้ขับรถมาถนนวิภาวดีรังสิต จนมาถึงสามเหลี่ยมดินแดง พบกลุ่มบุคคล 6-7 คน วิ่งออกมาทุบรถ พร้อมเสียงระเบิด เกรงว่าจะได้รับอันตรายจึงขับรถหลบหนี จนเกิดเหตุเฉี่ยวชน ขึ้น ขณะนั้นคนขับได้หยุดดูเหตุการณ์และขับไปต่อ โดยนำรถไปที่ รพ.พระมงกุฎ และแจ้งต้นสังกัดให้ทราบ ก่อนที่พฐ.จะเข้าตรวจสอบสภาพรถ และลงบันทึกประจำวัน พร้อมร้องทุกข์ในข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ และร่วมกันทำลายทรัพย์สินของทางราชการ
ส่วนกรณีที่ว่า เป็นการชนแล้วไม่ช่วยหรือไม่นั้น ผบช.น. ยืนยันว่า ไม่ใช่คนขับมองไม่เห็น แต่ขณะนั้นถูกรุมทำร้ายทุบตีและเข้ามาขัดขวางเส้นทาง ตำรวจพยายามเบรก และหยุดดู พร้อมทั้งรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ทั้งนี้ ไม่ใช่การชนแล้วหนี แต่เจ้าหน้าที่พยายามตรวจสอบสถานพยาบาลใกล้เคียง ก็ไม่พบว่ามีใครเข้ารับการรักษา ซึ่งบุคคลใดที่ได้รับบาดเจ็บจากการดำเนินการของตำรวจก็สามารถเข้าร้องทุกข์ได้เช่นกัน เป็นสิทธิตามกฎหมาย ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจเป็นการปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ผู้ชุมนุมมีการเผาทำลายทรัพย์สิน เกิดความเสียหาย ก่อเหตุความวุ่นวาย
ส่วนเหตุการที่มีการเข้าพื้นที่แฟลตดินแดงนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าปฏิบัติหน้าที่เนื่องจากมีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นไม่หยุด เป็นเหตุให้ตำรวจถูกระเบิดได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยจะขอพูดที่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตำรวจทำในกรอบของกฎหมาย ไม่ได้เอากำลังไล่ตีกลุ่มคนชุมนุมโดยไม่มีเหตุผล ตำรวจจะอยู่ในที่ตั้ง บางครั้งคนก่อเหตุเผาทำลายทรัพย์สินจึงใช้กำลังเข้าควบคุมเพื่อให้เหตุการณ์ไม่ลุกลาม
พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวต่อวว่า ทุกวันนี้ตำรวจได้รับบาดเจ็บหลายนาย ข้อเท็จจริง คือ ตำรวจไม่ได้ใช้อาวุธปืนจริงสักครั้ง ใช้เพียงกระสุนยาง แก๊สน้ำตา ส่วนการป้องกันตั้งด่านสกัดนั้น ตำรวจพยายามตรวจค้นรถต้องสงสัย รถจักรยานยนต์เป็นหลัก แต่ก็จะมีผู้ชุมนุมเข้ามาทำร้ายเจ้าหน้าที่ ส่วนกรณีหญิงสาว 2 คน ถูกทำร้ายโดยระบุว่ามาจากการกระทำของ คฝ.นั้น ขณะนี้ขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษก บช.น. กล่าวว่ากรณีที่มีการนัดหมายชุมนุมผ่านช่องทางออนไลน์ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 13 ก.ย. จะมีการรวมตัวกันของกลุ่มหลักๆ คือ กลุ่มทะลุแก๊ส ยังไม่ทราบเวลา นัดหมาย ที่แยกดินแดง บช.น. ขอเตือนว่ากรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ประกาศ เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การชุมนุมหรือรวมกลุ่มทํากิจกรรมที่มีลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่โรค จะเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 10 ลง 31 ส.ค.64 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ อีกส่วนหนึ่ง โดยทาง บช.น. ได้จัดเตรียมกําลังเจ้าหน้าที่ตํารวจเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองไว้แล้ว
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า จากการชุมนุมในวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา มีการจัดกิจกรรม 2 กลุ่มหลักๆ คือ 1.กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ เวลา 19.00-19.30 น. ได้ทํากิจกรรมปราศรัย และสาดสีบริเวณ หน้าวัดปทุมวนาราม ฝั่งตรงข้ามสํานักงานตํารวจแห่งชาติ 2.กลุ่มต่อต้านเผด็จการและกลุ่มทะลุแก๊ส ที่บริเวณแยกดินแดง เริ่มรวมตัวเวลา 17.30 น. มีการนําแผงเหล็กมาปิดการจราจร จุดไฟเผาทรัพย์สินต่างๆ บริเวณทางขึ้นด่วนมุ่งหน้าบางนา ใต้ทางด่วน และบริเวณ หน้า ปปส. เป็นเหตุให้มีเพลิงไหม้เป็นจํานวนมาก เวลา 19.50 น. เจ้าหน้าที่จึงออกมาควบคุมเพลิง ระหว่างนั้นกลุ่มมวลชนได้ใช้หนังสติ๊ก, วัสดุท่ออัดแก็ส ในการยิงลูกแก้ว ประทัดยักษ์ พลุไฟ ระเบิดต่างๆ บริเวณหน้ากรมดุริยางค์ทหาร และฝั่งถนนมิตรไมตรี เป็นระยะๆ
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงได้มีการประกาศเตือนให้ยุติการกระทําและออกจาก พื้นที่ทั้งหมด แต่ไม่ยอมเชื่อฟังและยังคงก่อความวุ่นวายต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ ลุกลามบานปลาย จนเวลา 22.00 น. เจ้าหน้าที่จึงต้องเข้าบังคับใช้กฎหมายและผลักดัน กลุ่มผู้ชุมนุมให้ออกจากพื้นที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ต่อมามีการจุดไฟเผา บริเวณหน้าสนามไทยญี่ปุ่นดินแดง รถไม่สามารถผ่านได้ และลงมาปิดถนน โรยตะปูเรือใบ บริเวณปากซอยบุญอยู่ ไม่ให้รถผ่านลงอุโมงค์ดินแดง จากการก่อความวุ่นวายของผู้ชุมนุมเป็น เหตุให้มีทรัพย์สินสาธารณะได้รับความเสียหายจํานวนหนึ่ง
ทั้งนี้มีการจับกุม ผู้กระทําความผิดพร้อมของกลาง เป็นอาวุธปืน, เครื่องกระสุนปืน, หนังสติ๊ก และลูกแก้ว จํานวนหนึ่ง ส่งพนักงานสอบสวนดําเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ, เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกแล้วไม่ เลิกฯ ,ครอบครองและพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับ อนุญาตฯ หรือความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และยังตรวจพบของกลางที่ตกในบริเวณรอบ สามเหลี่ยมดินแดง เป็นระเบิดแสวงเครื่อง ระเบิดปิงปอง อีกส่วนหนึ่งด้วย
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีถูกทำร้ายร่างกายมีผู้เสียหาย 1 ราย คือ นายภวดล ประสิทธิ์ อายุ 20 ปี แจ้งความถูกทำร้ายบริเวณเชิงสะพานพระรามเก้า ทำให้ศีรษะแตก แขนขาถูกอาวุธมีดฟัน ทางพนักงานสอบสวนสน.ดินแดง รับเรื่องไว้แล้ว จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดตามกฎหมาย ส่วนกรณียิงเด็ก 14 ปี และอายุ 15 ปี นั้น มีความคืบหน้าไปมาก โดยได้คลิปภาพเหตุการณ์ที่เกิดเหตุเบื้องต้น ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนให้ทราบตัวผู้กระทำผิดแน่ชัด เพื่ออกหมายจับมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
“ทาง บช.น. จะดําเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิด เพื่อติดตามจับกุมผู้กระทําความผิดมาดําเนินคดีตามกฎหมายทุกราย โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ความรุนแรง วางเพลิงเผาทรัพย์ และก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งหากเยาวชนได้กระทําความผิด ผู้ปกครองอาจจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ด้วยเช่นกัน สรุปการดําเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม ตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมาจนถึง ปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 204 คดี มี ผู้ต้องหาทั้งหมด 756 คน ติดตามจับกุมตัวได้แล้ว 511 คน” โฆษก บช.น. กล่าว