เมื่อวันที่ 25 ส.ค. พ.ต.ท.ศิริชัย โพธิจักร สว.(สอบสวน) สภ.ห้วยหลวง ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ เหยียบเด็กนักเรียนหญิงเสียชีวิต 2 ราย บริเวณุหน้าสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดอุดรธานี หลักกิโลเมตรที่ 14 ถนนอุดรฯ-หนองบัวลำภู จังหวัดอุดรธานี จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี และอาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน

ที่เกิดเหตุพบญาติผู้เสียชีวิตกำลังนั่งร้องไห้ด้วยเศร้าโศกเสียใจดังระงมในพื้นที่ สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้ที่พบเห็น ใกล้กันพบศพ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นม.3/9 และด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2/8 ทั้งคู่ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนอุดรพิชัยรักษ์พิทยา สภาพศพถูกล้อรถขนาดใหญ่เหยียบร่างกายแหลกเหลว ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าสกู๊ปปี้ สีเทาดำ ทะเบียน 2 กฒ 3270 อุดรธานี ล้มพลิกควํ่าอยู่

ห่างไปประมาณ 800 เมตร รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาวทะเบียน 81-5523 หนองบัวลำภู ลูกพ่วง ทะเบียน 81-5524 หนองบัวลำภู จอดอยู่ริมถนน โดยมีนายอนันต์ ประธรรมเต อายุ 38 ปี ชาวจ.หนองบัวลำภู แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่ ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นได้ควบคุมตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.ห้วยหลวง

สอบสวนนายอนันต์ คนขับรถพ่วง ให้การอ้างว่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถบรรทุกหินจากอ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู จะไปส่งให้นายจ้างที่ อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี ออกมาตั้งแต่ 05.00 น. ตนขับมาด้วยความเร็วปกติ ก่อนถึงจุดเกิดเหตุตนเบี่ยงเข้าเลนขวาเล็กน้อย เพื่อแซงรถจักรยานที่ปั่นอยู่ข้างหน้า เมื่อแซงไปได้สักพักก็มีคนขับรถจักรยานยนต์ตามมาบอกให้จอด ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเกิดอุบัติเหตุ เมื่อจอดรถแล้วก็ลงมายืนรออยู่หน้ารถไม่ได้หลบหนี แล้วจึงโทรบอกนายจ้าง

“ตนขับรถพ่วงมาตามปกติ ไม่ได้ชนรถจักรยานยนต์ ไม่ได้ชนอะไรทั้งสิ้นและไม่รู้ว่าเหยียบคนตาย ไม่เห็นเด็กขับรถจักรยานยนต์มาด้วยซ้ำ พอรู้ว่าเป็นเด็กนักเรียนตกก็ตกใจมาก เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะตนก็มีลูกเรียนอยู่ชั้นม.2 เช่นกัน พูดถึงก็ยังสลดใจขนลุกไปหมด ขอโทษญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตด้วย ตนก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และจะช่วยทำบุญกับญาติผู้ตายด้วย” คนขับรถบรรทุก กล่าว

ด้านยายน้องเอ เล่าทั้งน้ำตาว่า น้องเอกับน้องบี เป็นญาติกัน พอแม่ทั้งสองไปทำงานที่ กทม. ปกติจะนั่งรถโดยสาร แต่เมื่อเช้านี้ทั้งสองคนอาบแต่งตัวเสร็จแล้ว น้องเอบอกว่าจะขี่รถจักรยานยนต์ไปกับน้องเนย ตนบอกให้เอาหมวกกันน็อกและเสื้อกันฝน พร้อมเตือนอย่าขับรถเร็ว ฝนมันตก

“ก่อนเกิดสลดเมื่อ 2–3 วันก่อน ช่วงกลางคืนรถกระบะของพ่อน้องเอ ที่จอดไว้บ้านพักอยู่ดีดีสัญญาณกันขโมยก็ดังสนั่นไปรอบบ้าน คล้ายกับว่ามีคนมางัดรถ หรือมาขโมยรถ เมื่อออกมาดูก็ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด ส่วนตนเองเมื่อวานนี้ยังพูดคุยกับหลานตามปกติ แต่ตาข้างขวาของตนกระตุกอยู่เป็นระยะ น่าจะเป็นลางสังหรณ์ก่อนที่จะสูญเสียหลานไปทั้งหมด” ยาย กล่าว

ด้านพ.ต.ท.ศิริชัย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการเชี่ยวชน ส่วนรถจักรยานยนต์มีร่องรอยการล้มที่ด้านหน้าเล็กน้อย พื้นถนนมีรอยลากเป็นทางยาวประมาณ 3 เมตร คาดว่าเกิดจากรถพ่วงเกี่ยวรถจักรยานยนต์บดไปกับพื้นถนน ขณะที่เด็กขับรถจักรยานยนต์เพื่อรีบไปโรงเรียน แต่เนื่องจากฝนตกตั้งแต่ช่วงเช้ามืดทำให้มีน้ำขังบนพื้นถนน อาจจะทำให้ลื่นและล้มลง เมื่อรถพ่วงขับตามมา พ่วงตัวลูกจึงเหยียบเข้าอย่างจังโดยยังไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนขับรถจักรยานยนต์ ซึ่งจะได้สอบสวนคนขับรถพ่วงอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนแจ้งข้อกล่าวหา “ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต”