เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผบช.สตม. พล.ต.ต.วิริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ตม.3 พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รองผบก.สส.สตม. และพ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รองผบก.ตม.3 ร่วมกันแถลงผลจับกุม 3 คดี

โดยคดีแรก รวบเยอรมนีแก๊ง Hell angles ส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดน โดยทางสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีมีหนังสือไปยังกองการต่างประเทศขอให้ส่งตัว นายเด็น สัญชาติเยอรมัน เป็นผู้ร้ายข้ามแดนเพื่อนำตัวไปรับโทษ ตามคำพิพากษาในความผิดอาญาฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส จากการสอบสวนและติดตาม นายเด็น เดินทางเข้าประเทศไทยด้วยวีซ่าคนอยู่ชั่วคราว และได้รับการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรถึงวันที่ 12 ก.ค. 67 จากการสืบสวนทราบว่า นายเด็น ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงราย

พฤติการณ์ของนายเด็น ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊งมอเตอร์ไซค์นอกกฎหมาย Hell angles ในเมืองคีล สาธารณรัฐเยอรมนี ร่วมกับพวก 2 คน ลอบทำร้ายผู้เสียหายที่บริเวณสระว่ายน้ำโดยใช้แฟนสาวเป็นนกต่อ เพื่อทำให้ผู้เสียหายสนใจ และเข้าไปที่จุดเกิดเหตุ ก่อนฉวยโอกาสทำร้ายผู้เสียหายโดนยิงที่ต้นขาซ้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

คดีที่สอง รวบ 3 ผู้ต้องหาแก๊งยาเสพติดรายใหญ่ของอินโดนีเซีย หนีชุกไทย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รับการประสานจากเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย เข้าจับกุม 3 ผู้ต้องหา ตามหมายจับรัฐบาลอินโดนีเซียฐานกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและหลบหนีมาอยู่ในประเทศไทย ประกอบด้วย 1. นายสตีเว่น อายุ 28 ปี 2.นายวายู อายุ 30 ปี 3.นางพิสก้า อายุ 26 ปี

สืบเนื่องผู้ต้องหาทั้งสามรายได้เดินทางเข้าประเทศไทยด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว และการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจึงได้มีการอนุมัติ เพิกถอนใบอนุญาติ ก่อนทราบว่า นายวายูและนางพิสก้า หลบหนีอาศัยอยู่บริเวณคอนโด พื้นที่บางกะปิ จึงได้ร่วมกันตรวจสอบกับ บช.ปส. ก่อนแสดงตนเพื่อขอตรวจสอบหนังสือเดินทางซึ่งพบว่าเป็นบุคคลเดียวกัน ก่อนนำตัวส่งให้ กก.3บก.สส.สตม. ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนติดตามบุคคลที่เหลือได้รับแจ้งจากตม.จว.จันทบุรี ว่ามีบุคคลต่างด้าวชื่อ นายสตีเว่น สัญชาติอินโดนีเซีย กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ จึงได้เข้าแสดงตน และตรวจสอบหนังสือเดินทางพร้อมเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และนำตัวส่งกก.3บก.สส.สตม.

คดีสุดท้ายจับกุม “แก้ว เขาดิน” เครือข่ายขนคนรายใหญ่ พื้นที่สระแก้ว จากการตรวจสอบในสื่อสังคมออนไลน์พบชาวกัมพูชา ชื่อนางแก้ว ประกอบกิจการรถตู้ในพื้นที่ใกล้ด่านชายแดน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ใช้สื่อออนไลน์เชิญชวนลูกค้าชาวกัมพูชาว่า สามารถพาเดินทางเข้าออกประเทศไทยผ่านชายแดนได้อย่างสะดวก

จากการตรวจสอบพบว่ามีการลักลอบขนคนจำนวนมากจากพื้นที่ ต.คลองหาด จ. สระแก้ว เข้ามาในกรุงเทพ โดยเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมรถตู้สองคันพบคันแรก ทะเบียนจังหวัดระยอง มีนายประดิษฐ์ สัญชาติไทยเป็นคนขับรถ และบุคคลต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา 5 คนกำลังเดินทางเข้าประเทศไทยด้วยวิธีผิดกฎหมาย ส่วนคันที่ 2 รถตู้ทะเบียนกทม. พบนายมนตรี สัญชาติไทย เป็นผู้ขับรถนายบำเหน็จ สัญชาติไทยเป็นผู้โดยสารและเจ้าของรถ พร้อมด้วยนายชานนท์ สัญชาติไทยเป็นผู้โดยสาร และบุคคลต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาอีก 5 ราย โดย 4 รายเดินทางเข้าประเทศไทยแบบผิดกฎหมาย และถูกกฎหมาย 1 ราย

จากการสอบถามบุคคลต่างด้าวทั้งหมดรับสารภาพว่า นางแก้ว และนายชานนท์ ทำหน้าที่ติดต่อประสานงานชาวกัมพูชาโดยใช้รถตู้เข้ามาในประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ การเข้ามาในประเทศไทยแต่ละครั้ง ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นรายหัวหัวละ 3,500 บาท โดยนายชานนท์จะเป็นผู้นำเงินไปแบ่งให้กับคนขับรถรายละ 1,000 บาท ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาคนไทยทั้ง 4 รายและนางแก้ว ว่า ร่วมกันให้ความช่วยเหลือซ่อนเร้นหรือรับไว้ด้วยประการใดซึ่งบุคคลต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ส่วนชาวกัมพูชาทั้ง 9 รายไหนแจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนส่งให้ พงส.กก.สส.บก.ตม.3