เมื่อวันที่ 18 ส.ค. พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ท.เอนก บุญตา รอง ผกก.4 บก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.4 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบ สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปาย ตชด. เจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครอง รวม 85 นาย กระจายกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 8 จุด ในพื้นที่หมู่บ้านยะโป๋ และหมู่บ้านสันติชล อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อกวาดล้างปราบปรามขบวนการลักลอบค้ายาเสพติด

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีกลุ่มชนเผ่าอยู่ในพื้นที่ อ.ปาย ลักลอบค้ายาเสพติดทั้ง เฮโรอีน ไอซ์ และ ยาบ้า ให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และวัยรุ่นในพื้นที่จนส่งผลให้มีชาวต่างชาติเสียชีวิตจากการเสพเฮโรอีนก่อนหน้านี้ รวมถึงยังทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่เป็นที่น่ากังวล อีกทั้งยังเหิมเกริมใช้อาวุธปืนยิงใส่ สว.สส.สภ.ปาย ขณะไล่ล่าติดตามจับกุมตัว ก่อนปลุกระดมมวลชนมาปิดล้อมกดดันการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจท้องที่ ขณะเข้าตรวจค้นจับกุมกลุ่มพ่อค้ายาในหมู่บ้าน จึงนำมาสู่การวางแผนสนธิกำลังร่วมกันหลายหน่วยงานบุกเข้าจู่โจมกวาดล้างจับดังกล่าว

สำหรับเป้าหมายสำคัญจุดแรกเป็นบ้านเลขที่ 56/1 หมู่ 4 ต.แม่นาเติง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ของนายสมเพ็ชร สุขเสมอภาค อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาคนสำคัญ มีหมายจับคดียาเสพติด 3 หมายจับ และเป็นคนใช้อาวุธปืนยิงใส่สว.สส.สภ.ปาย พบเพียงภรรยานายสมเพ็ชร ส่วนนายสมเพ็ชร์ไหวตัวทันอาศัยความชำนาญพื้นที่ชิงหลบหนีเข้าป่าไปได้ทัน ตรวจค้นภายในบ้านไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย

อีกจุดบ้านเลขที่ 66/4 หมู่ 4 ต.แม่นาเติง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ของ นายจะลอ (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี โดยเป้าหมายรายนี้เชื่อมโยงกับกลุ่มเอเย่นต์ยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ไปถึงพบตัวนายจะลอ และภรรยาพักอยู่ภายในบ้าน จึงแสดงหมายค้นเข้าตรวจสอบพบอาวุธปืนยาวลูกกรดมีทะเบียน 1 กระบอก จึงยึดไว้ตรวจสอบ ขณะที่จุดอื่นๆนั้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดยาเสพติดได้จำนวนหนึ่ง

อย่างไรก็ตามปฏิบัติการจู่โจมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้กรอบระยะเวลาที่จำกัด และดำเนินการด้วยความรัดกุมเพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกับกลุ่มมวลชน เนื่องจากหลังการเข้าตรวจค้นได้ไม่นานได้มีชาวบ้านในพื้นที่ได้มารวมกลุ่มเดินเท้าเข้ากดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ ทาง พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ จึงพยายามอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจข้อกฎหมายต่างๆ เกี่ยวกับการตรวจสอบ ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในครั้งนี้ไม่มีการกระทบกระทั่งใดๆ ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับชาวบ้าน