เมื่อวันที่ 17 ส.ค. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกมีราคาสูงขึ้นมาก จนอาจทำให้ข้าวถุงปรับขึ้นราคาตามไปด้วยว่า ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกสูงขึ้นมาก จะมีผลดีกับเกษตรกรแต่เมื่อข้าวเปลือกราคาสูงขึ้นต้นทุนข้าวสารจะสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ตนสั่งการไปแล้วให้กรมการค้าภายในกำกับดูแลราคาข้าวสารให้กระทบต่อผู้บริโภคให้น้อยที่สุด ที่ผ่านมาราคาข้าวสารถุงส่วนใหญ่แม้แปะป้ายราคาไว้ แต่เวลาขายจริงจะมีการจัดทำโปรโมชั่นลดราคาอย่างต่อเนื่อง

 “ตนสั่งการไปแล้วให้ช่วยดูว่าความเหมาะสมอยู่ตรงไหน เกษตรกรให้มีรายได้ดีขึ้น ดีแล้ว แต่อย่าไปกระทบผู้บริโภคจนทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนเกินไป ให้อยู่ร่วมกันได้ทั้งสองฝ่ายเป็นนโยบาย โดยกรมการค้าภายในได้หารือร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุง สมาคมโรงสีข้าวไทยและห้างค้าส่ง ค้าปลีกต่าง ๆ ซึ่งตนได้สั่งการไปแล้ว ยังไม่มีการอนุญาตให้ขึ้นราคาในช่วงนี้โดยเด็ดขาด”

วันเดียวกัน นายสุทธิศักดิ์ พรมบุตร พาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าส่งและค้าปลีกข้าวสาร ในอำเภอเมืองบุรีรัมย์ ว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้าส่ง ค้าปลีก ข้าวสาร 3 แห่งในตัวเมืองบุรีรัมย์ พบว่า ร้านขายส่งข้าวสารได้รับข้าวสารมาจากทั้งในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดสุรินทร์ ส่วนข้าวเหนียวส่วนใหญ่รับมาจากภาคเหนือ โดยขณะนี้ราคาข้าวหอมมะลิอยู่ที่ก.ก.ละ 32-34 บาท เพิ่มขึ้นจาก 2 สัปดาห์ก่อน ประมาณ 2-3 บาท ซึ่งไม่สูงมากนัก เพราะผลผลิตข้าวนาปีของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะออกสู่ตลาดในเดือนต.ค. ทำให้ผู้ประกอบการไม่กล้าขึ้นราคาสูงเกินเจ้าอื่นเพราะการแข่งขันสูง ส่วนผลผลิตข้าวที่ออกสู่ตลาดในขณะนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลผลิตที่เกษตรกรเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของตนเอง  ซึ่งราคาข้าวสารในช่วงนี้ปรับตัวตามราคาข้าวเปลือกที่สูงขึ้น เฉลี่ยประมาณก.ก.ละ 15-16.90 บาท หรือตันละ 15,300-16,900 บาท

ทั้งนี้ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการไม่ให้ขึ้นราคาสูงเกินไป หากมีประกาศควบคุมราคาสินค้าจากกระทรวงพาณิชย์ และคณะกรรมการกลางว่าด้วยการควบคุมราคาสินค้าและบริการ ก็พร้อมที่จะดำเนินการคุมเข้มราคาสินค้า เพื่อให้ผู้บริโภคได้ซื้อข้าวได้ในราคาที่เป็นธรรม หากพบว่ามีการกักตุนข้าว จงใจปั่นราคาข้าว ขายข้าวในราคาสูงเกินจำเป็น จะดำเนินการทาง พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการทันที 

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการหารือกับบสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย และสมาคมโรงสีข้าวไทย เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาข้าวสารบรรจุถุง ว่า กรมได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการข้าวถุงตรึงราคาจำหน่าย และไม่ปรับขึ้นราคาในช่วงนี้ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยผู้ประกอบการยินดีที่จะให้ความร่วมมือ แต่ต้องดูสถานการณ์ประกอบด้วย โดยเฉพาะต้นทุนข้าวว่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน

ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์ราคาข้าวถุง พบว่า ข้าวหอมมะลิถุง 5 กิโลกรัม (กก.) มีราคาเฉลี่ย 210 บาทต่อถุง เทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 209 บาทต่อถุง ถือว่าราคายังทรงตัว ส่วนข้าวขาว 100% ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 117.94 บาทต่อถุง เทียบกับปีก่อนเฉลี่ย 119 บาทต่อถุง ถือว่าราคายังปกติ ส่วนราคาข้าวเปลือก พบว่า เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ 15,000-16,900 บาทต่อตัน และข้าวเปลือกเจ้า 12,000-12,500 บาทต่อต่อ และราคาข้าวถุงในห้างค้าส่งค้าปลีก พบว่า ยังไม่มีการปรับขึ้นราคา แต่มีการจัดโปรโมชันลดราคาต่อเนื่อง

ทางด้านสมาคมโรงสีข้าวไทย ได้ยืนยันที่จะจัดส่งข้าวสารให้กับสมาชิกของสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย อย่างต่อเนื่อง ไม่ให้ติดขัด เพื่อให้สามารถผลิตข้าวสารถุงออกสู่ตลาด ซึ่งทั้ง 2 สมาคม จะร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิด และยืนยันว่าจะไม่มีปัญหาข้าวสารขาดแคลนแน่นอน

อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็น กรมจะร่วมมือกับ 2 สมาคม ในการจัดทำข้าวถุงราคาถูกกว่าท้องตลาดออกมาจำหน่าย ผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่มีอยู่ เช่น โมบายพาณิชย์ สถานที่ราชการ ห้างท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการซื้อข้าว แต่ก็เป็นเพียงมาตรการที่เตรียมเอาไว้ อาจจะไม่ต้องใช้ก็ได้

นายยงยุทธ พฤกษ์มหาดำรง นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า ขณะนี้ต้นทุนข้าวสารเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะข้าวขาว แต่สมาคมฯ และสมาชิกจะตรึงราคาอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้บริโภค