จากกรณีวานนี้ (16 ส.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ พร้อมทนายความ ยื่นฟ้อง นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และทนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ ในความผิดฐานฟ้องเท็จ, หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เรียกค่าเสียหาย 9 หมื่นบาท กรณีที่นายเศรษฐา ส่งทนายวิญญัติ มาฟ้องหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 500 ล้าน ตามที่นายชูวิทย์ออกมาแฉนายเศรษฐา เลี่ยงภาษีซื้อขายที่ดินย่านสารสิน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าวันที่ 17 ส.ค. ที่สโมสรตำรวจ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมาพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อนำข้อมูลหลักฐานมาให้ และต้องการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งตัวละครที่เป็นแม่บ้าน รปภ. เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน และหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง และนอมินีทุกคน มาสอบปากคำเพื่อให้ความจริงกระจ่าง

นายชูวิทย์ กล่าวว่า เอกสารหลักฐานที่นำมายื่นต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีใจความสำคัญอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรก คือ ที่ดินถนนสารสิน และทองหล่อ ขอให้มีการตรวจสอบว่า มีการกระทำการหลบเลี่ยงภาษีหรือไม่ ในส่วนนี้ ตนมีรายละเอียดว่าการโอนที่ดินดังกล่าว มีการแยกโอน 12 คน 12 วัน ใช้เวลารวมสาเหตุ 3 อาทิตย์ เพื่อเป็นการเลี่ยงจ่ายภาษีแบบกลุ่มบุคคล ที่ผ่านมากรมที่ดิน, กรมสรรพากร และคำพิพากษา ล้วนมีการตัดสินพฤติการณ์เช่นนี้มาก่อนแล้ว แต่การที่ตนนำข้อมูลที่สำคัญมาให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพื่อให้เรียกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาสอบสวนว่า พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการหลบเลี่ยงภาษี ไม่ใช่การวางแผนภาษี ตนหวังว่า รอง ผบ.ตร. จะทำเรื่องนี้ให้ปรากฏ ส่วนวันจันทร์ ที่ 21 ส.ค. นี้ จะจัดแถลงข่าวเป็นตอนสุดท้าย จะเปิดเผยข้อมูลให้เห็นธาตุแท้ของนายทุน

“ส่วนตัวไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องประเด็นการเมือง จึงขอรบกวนท่านรอง ผบ.ตร. เพราะท่านเป็นคนตรงไปตรงมาและชัดเจน หวังว่าบ้านเมืองนี้จะมีคนที่ชัดเจนตรงไปตรงมา แค่สอบแม่บ้าน สอบ รปภ. สอบเจ้าของที่ดินเก่า ก็ถือว่าจบแล้ว” นายชูวิทย์ กล่าว

เมื่อถามต่อว่า กรณีผู้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า การขายที่ดินของบริษัทของลูกชูวิทย์ มีการขายที่ดินมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท และหลบเลี่ยงภาษีกว่า 900 ล้านบาท พฤติการณ์นี้เหมือนของบริษัทเศรษฐาหรือไม่ ชูวิทย์ กล่าวว่า บริษัทของลูกตนไม่มีนอมินี พร้อมถามกลับสื่อมวลชนว่า รู้ไหมว่าตนเรียนจบอะไร ตนเรียนจบภาษี ไม่ได้ทำ

เมื่อถามว่าทำไมต้องมีการจัดแถลงครั้งสุดท้ายใกล้วันโหวตนายกรัฐมนตรี นายชูวิทย์ กล่าวว่า เพราะมีผู้ใหญ่โทรศัพท์มาสั่งการต่างๆ แต่ตนไม่ขอเปิดเผยชื่อ ขอเก็บเรื่องนี้ไว้กับตนถึงวันตาย อย่างเมื่อวานนี้ (16 ส.ค.) มีคนโทรฯ สั่งการไม่ให้ตำรวจมารับเรื่องร้องเรียนตน ตนขอฝากไปถึงคนที่สั่งการว่า การกระทำแบบนี้ไม่มีประโยชน์ และที่บอกว่าเคลียร์หมดแล้ว จ่ายเงินหมดแล้ว ตนไม่เคยรับเงินใคร และการที่เอาเรื่องลูกตนมาพูด ตนเป็นคนมีทรัพย์สินอยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่จำเป็น คนที่รับเงิน 20 ล้านบาท มาเพื่อโจมตีตน ฟังให้ดี ตนรู้หมด แต่ขอยืนยันว่า ตนมีข้อมูลที่นำมาเสนอ

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สำหรับกรณีนี้ที่ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ ตนจะรับเรื่องไว้ดำเนินการทั้งหมด และจะตรวจสอบทุกกรณีเพื่อจะทำให้ความจริงปรากฏ เรื่องนี้จะต้องทำความจริงให้ปรากฏต่อสังคมอย่างตรงไปตรงมา จากนี้ก็จะมีการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด หากพบการกระทำผิดส่วนไหน ก็จะดำเนินการในส่วนนั้น โดยหลังจากรับเอกสารแล้ว ตนจะขอพูดคุยกับนายชูวิทย์ถึงประเด็นต่างๆ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบในการดำเนินการต่อไป เรื่องนี้จะพยายามเร่งรัดดำเนินการให้เร็ว การสอบพยานบุคคลต่างๆ ถ้าเข้าข่ายความผิด ก็ต้องดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ แต่ถ้าไม่ผิด ก็ต้องไม่ผิด บ้านเมืองมีระบบตรวจสอบ ใครจะโกหกใครทำไม่ได้ ต้องทำอย่างตรงไปตรงมา