สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ว่า จีนเป็นหนึ่งในสังคมที่มีการเฝ้าระวังมากที่สุดในโลก ซึ่งสังเกตได้จากกล้องวงจรปิดหลายพันตัว กระจายอยู่ตามเมืองต่าง ๆ และมีการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าอย่างแพร่หลาย ในทุกแง่มุม ตั้งแต่การบังคับใช้กฎหมายในแต่ละวัน ไปจนถึงการปราบปรามทางการเมือง

ร่างกฎระเบียบที่เผยแพร่โดยสำนักงานบริหารไซเบอร์สเปซของจีน (ซีเอซี) เตือนว่า การใช้เทคโนโลยีดังกล่าวต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน รวมถึงเคารพศีลธรรมทางสังคม มีความรับผิดชอบต่อสังคม และปฏิบัติตามหน้าที่ในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล

นอกจากนี้ ร่างข้อบังคับใหม่ยังห้ามไม่ให้ใช้เทคโนโลยีนี้ เพื่อวิเคราะห์ชาติพันธุ์หรือศาสนา อีกทั้งการประมวลผลข้อมูลใบหน้าจะสามารถดำเนินการได้ เมื่อได้รับความยินยอมจากบุคคล หรือการอนุญาตทางกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น และมันต้องไม่ถูกใช้เพื่อสร้างอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ สร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์สาธารณะ หรือทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคม

ยิ่งไปกว่านั้น ข้อความตอนหนึ่งของกฎระเบียบฉบับร่างระบุว่า เทคโนโลยีจดจำใบหน้าอาจนำไปใช้ ในกรณีที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะเจาะจง, มีความจำเป็นที่เพียงพอ และมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด

อย่างไรก็ตาม ร่างกฎระเบียบนี้จะไม่มีผลบังคับใช้กับหน่วยงาน ที่ไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากบุคคล ตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ ซึ่งไม่มีการระบุถึงหน่วยงานเหล่านั้นแต่อย่างใด 

อนึ่ง ซีเอซีระบุว่า กฏระเบียบใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 7 ก.ย. นี้ ภายหลังการปรึกษาหารือสาธารณะ.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES