เมื่อวันที่ 11 ก.ย. พ.ต.ท.จุลพงษ์ อัตบุตรรอง.ผกก.สส.สภ.ย่านตาขาว จ.ตรัง พร้อมด้วย พ.ต.ท.เชษฐ์ เพชรชูสว.สส.และกำลังชุดสืบสวน นำหมายศาล จังหวัดตรังที่ 223/2564 และ224/2564 ลงวันที่ 9 ก.ย.64 บุกเข้าจับกุมตัว นายอาวุธ นุ้ยภิรมย์ หรือวุธ อายุ 35 ปี และ นายพิพัฒน์ รังศรี หรือ เท อายุ 40 ปี ทั้งสองเป็นชาว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง อาชีพทำสวน ในความผิดฐาน กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยจับกุมได้ที่บ้านพักผู้ต้องหา ที่อยู่ห่างกันประมาณ 2 กม.
สำหรับคดีดังกล่าว สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.พิรุณชัย คันธานนท์ รอง สว.(สอบสวน) ได้รับแจ้ง น.ส.เอ (นามสมมุติ) ชาวจ.พัทลุง ว่าเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ด.ญ.แตงโม (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี บุตรสาวได้พาเพื่อนคือ ด.ญ.ใบเฟิร์น (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี ทั้งสองเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนแห่งหนึ่ง มานอนที่บ้าน ก่อนที่เช้าวันที่ 15 ส.ค. เด็กทั้งสองออกไปส่งรายงานที่โรงเรียนแล้วก็ไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน โดยเข้าใจว่าเมื่อส่งรายงานเสร็จ จะไปนอนที่บ้านของผู้เป็นพ่อ
ต่อมาวันที่ 17 ส.ค. บุตรสาวได้ส่งข้อความมาทางเฟซบุ๊กให้ตนไปรับที่หน้าเซเว่นหน้าตลาดสดย่านตาขาว เมื่อได้พบกับบุตรสาว ได้เล่าให้ฟังทันทีว่า เมื่อวันที่ 16 ส.ค. เวลาประมาณ 20.00 น.ต่อเนื่องจนถึง วันที่ 17 ส.ค. บุตรสาวไม่ได้ไปนอนบ้านพ่อแต่อย่างใด แต่ได้ไปนั่งกินดื่มสุราที่บ้านของ นายพิพัฒน์ ซึ่งเป็นคนรู้จักของ ด.ญ.ใบเฟิร์น ตามคำชักชวน โดยมีนายอาวุธ เพื่อนของนายพิพัฒน์ นั่งร่วมวงด้วย ภายหลังเด็กหญิงทั้งสองเกิดอาการมึนเมา จึงถูกนายพิพัฒน์ ข่มขืนกระทำชำเราภายในบ้าน ส่วน ด.ญ.เฟิร์นได้ถูกนายอาวุธ พาไปข่มขืนกระทำชำเราที่บ้านญาติของนายพิพัฒน์ที่อยู่ใกล้กัน หลังจากทราบเรื่องจึงพาลูกสาวเข้าแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว
ต่อมาทางสภ.ย่านตาขาว ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตำรวจ 4 ราย ร่วมสอบสวนคดีโดยละเอียดเนื่องจากเป็นคดีที่สำคัญ โดยมี พ.ต.ท.สมพงษ์ ปานเหลือง รอง ผกก.(สอบสวน) เป็นหัวหน้าชุด และเมื่อได้ประจักษ์พยานหลักฐานแล้วจึงขออำนาจศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองยังคงให้การภาคเสธ อ้างว่าได้นั่งดื่มสุรากับเด็กหญิงทั้งสองจริง ก่อนจะแยกกันไปร่วมหลับนอนกับฝ่ายหญิง เนื่องจากอีกฝ่ายชักชวนและยินยอมเอง ทั้่งนี้เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ จึงนำทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.