เมื่อวันที่ 3 ส.ค. นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) พร้อมคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ สนข. ร่วมดำเนินกิจกรรมสร้างเครือข่ายความร่วมมือและการมีส่วนร่วมต่อการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาระบบการขนส่งและจราจร ศึกษาดูงานโครงการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (แลนด์บริดจ์ หรือ Landbridge) ระหว่างวันที่ 3-5 ส.ค. 66 ที่ จ.ชุมพร และ จ.ระนอง 

นายปัญญา เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ สนข. ได้ศึกษาจุดที่ตั้งของการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกบริเวณฝั่งทะเลอันดามัน และอ่าวไทยแล้วเสร็จ ซึ่งจะมีที่ตั้งฝั่งอันดามันอยู่แหลมอ่าวอ่าง จ.ระนอง และฝั่งอ่าวไทยอยู่แหลมริ่วจ.ชุมพร โดยโครงการพัฒนาแลนด์บริดจ์

นอกจากจะมีการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก เพื่อรองรับสายการเดินเรือขนส่งสินค้าจากทั่วโลกแล้ว ยังจะมีการพัฒนาโครงการโลจิสติกส์อื่นๆ เพื่อสนับสนุนการขนส่งตู้สินค้าจากท่าเรือทั่งสองแห่ง โดยทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะพัฒนาเส้นทางรถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร-ระนอง เช่นเดียวกับกรมทางหลวง (ทล.) จะพัฒนาโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ช่วงชุมพร-ระนอง (MR8)

สำหรับการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแลนด์บริดจ์นั้น สนข. ประเมินจะจัดใช้วงเงินรวมกว่า 1 ล้านล้านบาท แบ่งออกเป็น โครงการท่าเรือฝั่งชุมพร 3 แสนล้านบาท โครงการท่าเรือฝั่งระนอง 3.3 แสนล้านบาท โครงการพัฒนาพื้นที่เปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้า (SRTO) รวม 1.4 แสนล้านบาท และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเส้นทางเชื่อมโยงท่าเรือ วงเงินราว 2.2 แสนล้านบาท

ก่อนหน้านี้ สนข. ได้ศึกษาแผนพัฒนาโครงการท่าเรือน้ำลึกแลนด์บริดจ์ ตามที่ได้รับมอบหมายแล้วเสร็จ แต่เสนอไม่ทันรัฐบาลชุดก่อน จึงคาดว่าเมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะสามารถผลักดันแผนพัฒนาโครงการนี้ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบทันที ซึ่งจะทำควบคู่ไปกับการจัดทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EHIA) ซึ่งมั่นใจว่าโครงการนี้มีความจำเป็นในการพัฒนา ดังนั้นไม่ว่ารัฐบาลชุดใดจะเข้ามาบริหารก็จะมีการผลักดันต่อเนื่อง

นายปัญญา กล่าวต่อว่า หาก ครม. เห็นชอบกรอบการพัฒนาโครงการแล้ว สนข. จะเดินหน้าในขั้นตอนเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุน โดยมีเป้าหมายจัดทำโรดโชว์ดึงนักลงทุนต่างชาติที่ส่วนใหญ่ทำธุรกิจสายการเดินเรือประมาณ 10 ประเทศ อาทิ สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน จีน ฝรั่งเศส และเยอรมนี เป็นต้น โดยหลังจากเชิญชวนเอกชนแล้วเสร็จ จะนำข้อเสนอต่างๆ มาวิเคราะห์รูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม เบื้องต้นคาดว่าจะเปิดประมูลได้ต้นปี 68 และลงนามเอกชนลงทุนในไตรมาส 3 ของปี 68 หรือช่วง ก.ค.-ส.ค. 68

สำหรับรูปแบบการลงทุนที่ สนข. ศึกษาไว้ในปัจจุบัน จะเปิดกว้างเอกชนต่างชาติให้สามารถถือหุ้นเกิน 50% ในการร่วมลงทุนพัฒนาโครงการนี้ เนื่องจากโครงการแลนด์บริดจ์มีมูลค่าการลงทุนสูง โดยเอกชนที่เข้ามาลงทุนจะได้รับสัมปทาน 50 ปี ซึ่งประเมินว่าเป็นช่วงสัญญาสัมปทานที่จะจูงใจเอกชนและมีความคุ้มค่าทางการลงทุนน นอกจากนี้ สนข. ประเมินด้วยว่า เพื่อความคล่องตัวทางการลงทุน จะเปิดประมูลรวมสัญญาเดียว เพื่อมอบสิทธิบริหารโครงการให้กับเอกชนทั้งท่าเรือน้ำลึกชุมพร-ระนอง รวมไปถึงมอเตอร์เวย์และโครงการรถไฟ

ทั้งนี้ สนข. มั่นใจว่าปีแรกของการเปิดให้บริการท่าเรือน้ำลึกแลนด์บริดจ์ หรือราวปี 73 จะมีปริมาณขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือระนอง จำนวน 19.4 ล้าน ที.อี.ยู แบ่งเป็น 1.สินค้าถ่ายลำ จำนวน 13.6 ล้าน ที.อี.ยู 2.สินค้านำเข้า-ส่งออกของไทย จำนวน 4.6 ล้าน ที.อี.ยู และ 3.สินค้าจากจีนตอนใต้ และกลุ่ม GMS จำนวน 1.2 ล้าน ที.อี.ยู ส่วนท่าเรือชุมพร จะมีสินค้าผ่านท่า จำนวน 13.8 ล้าน ที.อี.ยู แบ่งเป็น 1.สินค้าถ่ายลำ จำนวน 12.2 ล้าน ที.อี.ยู 2.สินค้านำเข้า-ส่งออกของไทย จำนวน 1.4 ล้าน ที.อี.ยู และ 3.สินค้าจากจีนตอนใต้ และกล่ม GMS จำนวน 2 แสน ที.อี.ยู ส่งผลให้ สนข.วางพัฒนาพัฒนาท่าเรือทั้งสองแห่ง ให้สามารถรองรับตู้สินค้าสูงสุดได้ 20 ล้าน ที.อี.ยู

นายปัญญา กล่าวอีกว่า เมื่อการพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์แล้วเสร็จจะส่งผลบวกต่อประเทศไทยสู่การเป็นเกตเวย์เชื่อมต่อการขนส่งสินค้าระหว่างท่าเรือแหลมฉบังภายใต้เขตพัฒนาพิเศษภาคคตะวันออก (อีอีซี) สู่กลุ่มประเทศ BIMSTEC เป็นศูนย์กลางจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าของสายการเดินเรือทั่วโลก ลดระยะเวลาการเดินทางเชื่อมต่อเส้นทางเดินเรือระหว่างมหาสุมทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจจากการพัฒนาอุตสาหกรรมหลังท่าเรือ

สำหรับโครงการนี้ เริ่มศึกษา 1 มี.ค. 64-1 ก.ย. 66 ระยะเวลา 30 เดือน งบศึกษา 68 ล้านบาท ในภาพรวมการศึกษาเป็นไปตามแผน แต่ปัจจุบันการศึกษา EHIA มีความล่าช้า เนื่องจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การศึกษา EHIA ต้องขยายระยะเวลาสัญญาออกไป 1 ปี เริ่ม มี.ค.64-ก.ย. 67 คาดแล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค. 67