นายโจนาธาน คัง ผู้จัดการ เสียวหมี่ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้เสียวหมี่ ได้รุกขยายตลาดในไทยอย่างเต็มที่ โดยในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายสมาร์ทโฟนได้เป็นอันดับ 1 ในไทยเป็นครั้งแรก หลังจากไตรมาสที่ 1 มีอัตราเติบโต 300% และไตรมาสที่ 2 เติบโตอีก 200% ขณะที่ในตลาดโลกจากรายงานของคานาลิส บริษัทวิจัยการตลาดระดับโลก พบว่า จำนวนการส่งมอบสมาร์ทโฟนทั่วโลกของเสียวหมี่ได้ขยับขึ้นไปอยู่อันดับที่ 2 โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 16.7% นอกจากนี้ เสียวหมี่เดินขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง รุกตลาดกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยก้าวขึ้นเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟน 5 อันดับแรกใน 65 ประเทศ และเป็น แบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับที่ 1 ใน 22 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยอีกด้วย

ซึ่งช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้จะเดินหน้าทำตลาดทั้งในส่วนของสมาร์ทโฟน และสินค้าในกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ เอไอโอที (AIoT) หรือ อุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ด้วย กลยุทธ์ “Smartphone x AIoT” โดยนำเสนอสินค้าที่มีนวัตกรรมและคุณภาพที่ดี ในราคาที่เหมาะสมทุกคนจับต้องได้ พร้อมทั้งเร่งขยาย เสียวหมี่ สโตร์ ในไทยเพิ่มขึ้นเป็น 100 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 38 แห่ง โดยจะใช้งบประมาณการตลาดในปีนี้เพิ่มขึ้น 100% เมื่อเทียบกับปี 63 โดยที่ผ่านมานอกจากสินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟนที่ขายดีแล้ว ในส่วนอุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่ขายดี เช่น หมอทอดไร้น้ำมัน สมาร์ททีวี และ เครื่องดูดฝุ่น ฯลฯ

นายโจนาธาน กล่าวต่อว่า สำหรับตลาดสมาร์ทโฟนของไทยในปีนี้ยังเชื่อว่ายังขยายตัวแม้ว่า คานาลิส จะรายงานว่าในไตรมาส 2 ที่ผ่านมามีการหดตัว เนื่องจากมองว่า สมาร์ทโฟนได้กลายเป็น อุปกรณ์ที่คนต้องใช้ในชีวิตประจำวันไปแล้ว ซึ่งเตรียมจะนำสมาร์ทโฟนราคาระดับกลาง และสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์เข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้น โดยมีสเปกสูงแต่ราคาไม่แพง หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากในการรุกตลาดโลก โดยในครึ่งแรกของปี 64 สามารถส่งมอบสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ ทั่วโลกไปแล้วกว่า 12 ล้านเครื่อง

“ถือเป็นปีแห่งการเดินเกมรุกของเสียวหมี่ในหลายด้าน นับตั้งแต่การปรับอัตลักษณ์ของแบรนด์ผ่านโลโก้ใหม่ ที่ผสานปรัชญาธรรมชาติเข้ากับแนวคิดการออกแบบ ภายใต้แนวคิด “Alive” เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้เสียวหมี่ในตลาดพรีเมียมพร้อมยกระดับการรับรู้ของแบรนด์”