สืบเนื่องจากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษมายังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ให้ดำเนินคดีกับบุคคลและนิติบุคคลจำนวนทั้งสิ้น 10 ราย ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องทุจริตทางการเงินของ บริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยที่ผ่านมา คณะพนักงานสอบสวน กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ได้ดำเนินการออกหมายเรียกผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ, นายชินวัฒน์ อัศวโภคี, นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม ส่วนหมายจับทั้งหมด 3 ราย ประกอบด้วย นายชนินทร์ เย็นสุดใจ, นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ, น.ส.ยสบวร อำมฤต ซึ่งในจำนวนนี้มีเพียงนายศรัทธา และ น.ส.ยสบวร ที่เข้ารับทราบข้อกล่าวหาและให้การปฏิเสธ พร้อมขอยื่นเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในภายหลัง

ส่วนนายวนรัชต์ ภายหลังการออกหมายเรียกผู้ต้องหา เจ้าตัวได้ขอเลื่อนนัดหมายอ้างเหตุป่วย โดยมีใบรับรองแพทย์ประกอบแจ้งมายังพนักงานสอบสวน ขณะที่กรณีของนายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการบริษัท สตาร์คฯ ที่อยู่ระหว่างการหนีหมายจับในขณะนี้ ดีเอสไอได้ประสานไปยังองค์การตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล เพื่อดำเนินการออกหมายน้ำเงิน ขอความร่วมมือตำรวจสากลทั่วโลกตามหาถิ่นที่อยู่ของผู้ต้องหา เพื่อนำตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดี และประสานไปยังกรมการกงสุล ยกเลิกหนังสือเดินทางแก่นายชนินทร์ ตามที่มีการรายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์” ได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ และในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีหุ้นสตาร์ค ว่า จากเดิมที่ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ได้มีการแจ้งเลื่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับดีเอสไอ โดยเจ้าตัวขอเลื่อนเข้าพบเป็นช่วงสัปดาห์หน้าแทน และเร็วๆ นี้ จะมีความคืบหน้า เช่น พนักงานสอบสวนจะมีการทยอยออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพิ่มเติม ตามที่ก่อนหน้านี้ ก.ล.ต. ได้มีการมาร้องทุกข์กล่าวโทษแก่บุคคลและนิติบุคคลไว้จำนวน 10 ราย ซึ่งขณะนี้พยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการรวบรวม เริ่มมีความชัดเจนมากเพียงพอต่อการออกหมายเรียก

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงินว่า มีการโอนเงินออกไปยังที่ใดบ้าง รวมถึงในประเด็นที่มีข้อสงสัยว่ามีการโอนเงินจากบริษัท สตาร์คฯ ไปยังต่างประเทศบ้างหรือไม่นั้น ในเรื่องนี้ได้พบเบาะแสเรียบร้อยแล้ว แต่ระหว่างนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรอพยานเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างและหน้าที่รับผิดชอบของบุคลากรผู้บริหารของแต่ละบริษัท รวมถึงยังรอในส่วนของหนังสือจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อตรวจสอบว่าในช่วงระหว่างการเกิดเหตุ ใครเป็นผู้ลงนาม กรรมการบริษัทในขณะนั้นมีใครบ้างที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งและดำเนินงานของบริษัทคืออะไร เพื่อให้การจะออกหมายเรียกผู้ต้องหานั้น เกิดจากพยานหลักฐานที่มีความครบถ้วนรอบด้านมากที่สุด