ลุง ต. : คุณหมอมาร์คครับ ผมเป็นนัก CSR โบราณ ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญยุคใหม่ที่น่าจะเด็กกว่าผมมาก เขาสอนผมเรื่อง ESG และให้ Toolkit กลับไปทำงาน มันต่างกันอย่างไรกับที่ผมเคยทำ และผมต้องทิ้งงาน CSR ที่ผมรักไปเลยไหมครับ

หมอมาร์ค: ลุง ต. ครับ โลกมันเปลี่ยนเร็วมากครับ Sustainability Expert รุ่นใหม่อาจไม่เข้าใจลึกซึ้งเรื่อง CSR เพราะตอนที่เขาเริ่มทำงาน กระแส ESG ก็ถูกโหมมาสักพักหนึ่งแล้ว ถ้าลุง ต. ไปเถียงเขา เขาอาจบอกว่า “มีลุงไม่มีเรา”  ดังนั้น ลุง ต. ต้องใจเย็น ๆ ทำความเข้าใจกับ CSR และ ESG ทั้ง 2 คำว่า มีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร โดยที่ CSR Corporate Social Responsibility คือมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร ที่อ้างอิงมาตรฐานโลกหลายสถาบัน อาทิ ISO 26000, UN Global Compact, OECD Guideline for Multi-National Companies, SET CSR Compass เป็นต้น ซึ่ง CSR ส่วนสำคัญที่เป็นการปรับเปลี่ยนขบวนการดำเนินธุรกิจให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม หรือที่เราเรียกว่า In Business Process CSR แต่น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่จะรู้จัก CSR แบบผิวเผิน เช่น การบริจาค การทำงานจิตอาสาในแบบที่เราเรียกว่า After Business Process CSR ทั้งที่ หลักการของ CSR คือ การสร้างความสมดุลของ 3 P อันได้แก่People, Planet และProfit และสร้างความพึงพอใจที่สมดุลให้กับผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholders) ซึ่งองค์กรใหญ่หรือเล็กก็ทำได้ เพราะไม่ขึ้นอยู่กับงบบริจาค แต่เป็นการพัฒนาขบวนการทำงานให้เป็นองค์กรที่ดี มีความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

ส่วนESG หรือEnvironment Social และGovernance นั้น สำหรับผมแล้ว คือการพัฒนาต่อยอดงาน CSR เพราะ Environment = Planet, Social = People และ Profit = Governance โดย ESG ลงลึกไปที่ตัว G คือ Governance เป็นการทำ Profit อย่างมีธรรมาภิบาล และที่ ESG เป็นที่นิยมในองค์กรธุรกิจและตลาดทุนทั่วโลก เพราะเคยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกจากการขาดธรรมาภิบาล ที่มีการร่วมมือกันระหว่างบริษัท ผู้ตรวจสอบ และองค์กรกำกับดูแลนั่นเอง ดังนั้น ESG นี้ จึงเหมือนเป็นเครื่องมือในการเรียกความศรัทธาคืนให้กับนักลงทุนทั่วโลก โดยตลาดหลักทรัพย์ไทยก็มี ESG 100 ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีคะแนน Environment Social และ Governance ดีที่สุด ซึ่งบริษัทเหล่านั้นก็คือบริษัทที่มี CSR ที่มีความรับผิดชอบต่อ People Planet และ Profit ดีที่สุด 100 อันดับแรก ดังนั้น ESG Award ก็คือ CSR Award นั่นเอง ถ้าเราเข้าใจหลักการ

ลุง ต.: ขอบคุณครับคุณหมอมาร์ค ผมจะนำเรื่องนี้ไปคุยกับน้อง ๆ  เพราะน้องรุ่นใหม่เค้ามี Toolset ของ ESG ที่ดีมาก ส่วนลุงแก่ ๆ อย่างผมมี Mindset และ Skillset ของ CSR เป็นทุนเดิม และเราจะเติมเต็มกันและกันอย่างเท่าเทียมแบบ “มีลุงต้องมีเรา” เพื่อที่จะก้าวสู่ความยั่งยืน SDG ไปด้วยกัน.