จากข้อมูลการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ปัจจุบันมีสินค้าที่อยู่ในขอบข่ายการรับรองฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 แล้วจำนวน 23 ผลิตภัณฑ์ อาทิ ตู้เย็น, เครื่องปรับอากาศ, พัดลมไฟฟ้า, หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์, หม้อหุงข้าวไฟฟ้า, กระติกน้ำร้อนไฟฟ้า, เครื่องทำน้ำอุ่นไฟฟ้า, เตารีดไฟฟ้า, เครื่องซักผ้า, ผลิตภัณฑ์แอลอีดี, เตาไมโครเวฟ, เตาไฟฟ้าแบบเหนี่ยวนำ, เครื่องรับโทรทัศน์, กาต้มน้ำไฟฟ้า, ตู้แช่เย็นแสดงสินค้า, กระทะไฟฟ้า, เครื่องสูบน้ำไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ, ตู้น้ำร้อนน้ำเย็นบริโภคและตู้น้ำเย็นบริโภค, เครื่องฟอกอากาศ เป็นต้น

แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้ นั่นก็คือ ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ไม่ได้แปะอยู่เฉพาะบนเครื่องใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว…ยังมีทั้ง “ข้าวกล้องเบอร์ 5” เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนคนไทยหันมาบริโภคข้าวกล้องเพื่อสุขภาพ ที่ลดกระบวนการใช้ไฟฟ้าขัดสีข้าวเปลือกให้เป็นข้าวขาวถึง 3 ครั้ง ที่ใช้ไฟฟ้าปริมาณมากถึง 60% ของกระบวนการขัดสีข้าวทั้งหมด

ขณะเดียวกันยังมี “เสื้อเบอร์ 5” ที่มีการปรับปรุงเนื้อผ้า และซักแล้วบริเวณตะเข็บตรงไม่ยับ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบรีดเสื้อ ทำให้ช่วยลดโลกร้อนเป็นเสื้อผ้าที่มีความคงทนต่อแสงแดดและเหงื่อ ซึมซับเหงื่อ ดูแลรักษาง่าย ยับยาก ซักแล้วสามารถสะบัดๆ แล้วนำมาสวมใส่ได้เลย เหมาะกับสภาพการใช้ชีวิตของคนเมืองในปัจจุบัน

เช่นเดียวกับชุดนักเรียน ซึ่งเป็นสินค้าที่มีปริมาณการผลิต และการซื้อจำนวนมากในแต่ละปี ทั้งยังมีการใช้ซ้ำ ซักรีดบ่อย กฟผ. จึงร่วมมือกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ พัฒนามาตรฐาน “ชุดนักเรียนเบอร์ 5” ขึ้น ทำให้สวมใส่สบาย ยับยาก ลดการรีดผ้า ลดใช้พลังงาน เนื้อผ้าคืนตัวหลังการซัก ช่วยประหยัดเวลาในการรีดผ้าตัวละ 2 นาที คิดเป็นการประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ถึงปีละ 7.75 ล้านหน่วย หรือประมาณปีละ 31 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 3,709 ตันต่อปี

นอกจากนี้ยังมี “จักรยานยนต์ไฟฟ้าเบอร์ 5” สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซล ลดการปล่อยมลพิษทางอากาศและฝุ่นละออง (พีเอ็ม 2.5) ทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง โดยปัจจุบันราคารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 20,000- 60,000 บาทต่อคัน ใกล้เคียงกับจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมัน และการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 1 ครั้ง จะวิ่งได้ประมาณ 60-80 กิโลเมตร ราคาแบตเตอรี่ 4,000-8,000 บาท ใช้งานได้นาน 3-5 ปี จึงประหยัดกว่ารถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมัน 95% หากขับขี่ด้วยความเร็ว 50-60 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง และประหยัดค่าบำรุงรักษาได้มากกว่า 50% เมื่อเทียบกับรถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมัน 

ขณะที่ปี 66 นี้มี “แบตเตอรี่จักรยานยนต์ไฟฟ้าแบบสับเปลี่ยนได้ เบอร์ 5” เนื่องจากพลังงานของแบตเตอรี่ของจักรยานยนต์ไฟฟ้าปัจจุบัน ไม่สามารถตอบสนองการใช้งานได้ในระยะการขับขี่แต่ละรอบเวลาการบริการ โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน และยังมีข้อจำกัดด้านเวลาที่ใช้ในการเติมพลังงาน อาจใช้เวลาอย่างต่ำ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ทำให้ไม่สะดวกต่อผู้ใช้งาน จึงเกิดแนวคิดการสับเปลี่ยนแพ็กแบตเตอรี่ขึ้น

ล่าสุด ยังมี “ผ้าม่านเบอร์ 5” สามารถลดความร้อนในห้องได้อย่างต่ำ 17% ช่วยลดการใช้พลังงานและทำให้แอร์เย็นเร็วขึ้น ซึ่งทางโฮมโปรได้เปิดตัวและวางจำหน่ายในช่วงที่ผ่านมา และมองว่าสินค้าฉลากเบอร์ 5 ยังสามารถต่อยอดเป็นสินค้าอื่นๆ ได้อีกมาก เช่น ฟิล์มติดอาคาร ฟอยล์กันความร้อน และหลังคา เป็นต้น เชื่อว่า หากสินค้าติดฉลากเบอร์ 5 ในหลากหลายกลุ่มหลังจากนี้ เชื่อว่าจะช่วยให้ในอนาคตไม่เกิดปัญหาขาดแคลนการใช้พลังงานไฟฟ้าขึ้น แถมยังช่วยต่อยอดการดำเนินการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นอีกด้วย.