จากกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ สนธิกำลังร่วมกับกรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ บรรจุเนื้อหมูแช่แข็ง 161 ตู้ เป็นชิ้นส่วนต่างๆ มูลค่ารวมกว่า 460 ล้านบาท ภายในพื้นที่โครงการท่าเรือสีขาว สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 5 ก.ค.66 ที่ผ่านมา และเมื่อตรวจสอบนั้นพบว่าตู้คอนเทนเนอร์มีการนำเข้ามาตั้งแต่ปี 2565 สำแดงเป็นสินค้าแช่แข็งเมล็ดพลาสติก มีการเสียบปลั๊กไฟตลอด 24 ชั่วโมง โดยพบมีรายชื่อบริษัท 11 แห่ง เป็นผู้นำเข้าสินค้าดังกล่าว และยังพบอีกว่ามีชิ้นส่วนเนื้อหมูบางส่วนหายไปแล้วคาดเป็นการนำออกไปขายสู่ตลาดทั่วไปนั้น

แฉเส้นทาง ‘เนื้อสุกรแช่แข็งเถื่อน’ 161 ตู้ สำแดงเป็นสัตว์น้ำหลบเลี่ยง

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 11 ก.ค.66 ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร เลขานุการคณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ในฐานะรองผอ.กองเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ดีเอสไอ ให้สัมภาษณ์ว่า ภายหลังการเปิดตู้คอนเทนเนอร์เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา จากทั้งหมด 161 ตู้ เปิดไปแล้ว 62 ตู้ เหลืออีก 99 ตู้เท่านั้น อยู่ระหว่างเร่งรัดให้เสร็จสิ้นภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งการตรวจค้นตู้คอนเทนเนอร์ได้ร่วมกัน 3 ทีม ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ ดีเอสไอ และกรมศุลกากร ทำให้มีความรวดเร็วมากขึ้น ส่วนกรณีของกลางมีปริมาณไม่เต็มตู้คอนเทนเนอร์นั้น เพราะตอนใส่ในตู้ไม่เต็มตั้งแต่ต้นทางเพราะในอุณหภูมิติดลบ 20 องศาเซลเซียส ต้องการพื้นที่ถ่ายเทหมุนเวียน ซึ่งจากการเปิดตู้ที่มีการถ่ายคลิปทั้งหมดพร้อมกับมีการปิดซีลล็อกไว้ด้วย

“ยืนยันว่าของกลางยังไม่หาย ยังอยู่ครบตามจำนวนที่คาดการณ์คือ 4.5 ล้านกิโลกรัม แต่เข้าใจในมุมของเกษตรกรที่เห็นการเปิดตู้มาแล้วไม่เป็นภาพในลักษณะที่มีเนื้อหมูแน่นตู้คอนเทนเนอร์ ทุกครั้งมีการเปิดตู้จะมีการรายงานและส่งรูปภาพให้ผู้เสียหายได้ทราบตลอด จนเกิดความไว้วางใจในการทำหน้าที่ของดีเอสไอ แม้ที่ผ่านมาเกษตรกรหรือผู้เสียหาย จะมีปัญหากับทางกรมปศุสัตว์ กรมศุลกากร แต่ในฐานะดีเอสไอต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่างและเป็นกลางมากที่สุด โดยยังคงเน้นไปที่การเตรียมดำเนินคดีทางอาญาและติดตามตัวผู้กระทำผิดทุกรายที่เกี่ยวข้องมาลงโทษให้ได้”

ร.ต.อ.ชาญณรงค์ กล่าวอีกว่า หากดูจากภาพในวันเปิดตู้คอนเทนเนอร์บางส่วน จะเห็นว่าเนื้อสุกรแช่แข็งนั้นมีลักษณะพร่องแค่ด้านหน้า ที่ผ่านมาได้ดูรูปภาพของเนื้อหมูแช่แข็งเหล่านี้มาก่อนแล้วตามรายงานของกรมศุลกากร เมื่อเทียบเคียงกันแล้ว มีความใกล้เคียงกัน แต่ที่มีหายไปหรือพร่องไปตามหน้าสื่อนั้น เพราะทางกรมปศุสัตว์ได้มีการนำออกไปตรวจสอบบางส่วนตามกระบวนการ เพื่อรีเช็คว่าภายนอกแม้ดูเป็นเนื้อหมูแช่แข็ง แต่จริงๆแล้วผลการตรวจสอบเป็นเนื้อหมูแช่แข็งจริงหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลของกลุ่มผู้ประกอบการ เกษตรกรเลี้ยงหมูภายในประเทศ มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือว่าขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนผ่านมาทางด่านศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังนั้นมีจำนวนมากกว่า 161 ตู้ตามที่ตรวจสอบพบในพื้นที่จัดเก็บ โดยในความเป็นจริงมีจำนวนหลายพันตู้ด้วยกันที่ลักลอบสำแดงเท็จ ซึ่งคาดว่ายังอยู่ในพื้นที่ท่าเรือและบางส่วนน่าจะมีการเคลื่อนย้ายเนื้อหมูออกไปจำหน่ายตามท้องตลาดแล้ว จึงต้องการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบข้อมูลของบริษัท 11 แห่งที่เกี่ยวข้อง หรือรายอื่นๆที่เข้าข่ายมีการสำแดงสินค้าเท็จย้อนหลังไปในช่วงปี 2564-2565 ด้วย เนื่องจากเป็นช่วงที่เนื้อหมูในประเทศขาดแคลนและราคาค่อนข้างสูง เพราะถือว่าเป็นขบวนการทำลายระบบเศรษฐกิจภายในประเทศและสร้างอันตรายให้กับผู้บริโภคเป็นอย่างยิ่ง.