นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันแรกที่เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้รับนโยบายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ให้กำกับดูแลและติดตามการดำเนินงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เนื่องจากเป็นกรมฯ ที่มีภารกิจและบทบาทหน้าที่สำคัญเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการโดยตรง อีกทั้งยังเป็นคลังข้อมูลธุรกิจขนาดใหญ่ของประเทศ โดยเน้นย้ำให้หาแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจไทยให้สามารถประกอบธุรกิจได้อย่างคล่องตัว มีความสะดวก ควบคู่ไปกับการปลูกฝังให้ภาคธุรกิจมีธรรมาภิบาล และมีมาตรฐานในการดำเนินธุรกิจตามหลักเกณฑ์ของสากล สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการสร้างประเทศไทยให้ใสสะอาด โดยที่ผ่านมาทราบว่ากรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้สนับสนุนและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ภาคธุรกิจที่ประพฤติตนเป็นธุรกิจที่ดี มีการบริหารกิจการด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส ผ่านการจัดกิจกรรม “การรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ” อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา
“แม้ในปี 2564 นี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะคลี่คลายลงก็ตาม ทำให้การจัดกิจกรรมต่าง ๆ ไม่สามารถดำเนินได้ในรูปแบบปกติ แต่ภาคธุรกิจยิ่งต้องการขวัญและกำลังใจเพื่อให้สามารถเดินหน้านำพากิจการก้าวต่อไปได้ จึงได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเดินหน้า จัดกิจกรรมส่งเสริมธรรมาภิบาลให้แก่ภาคธุรกิจในรูปแบบ New Normal โดยได้เปิดให้ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน หรือบริษัทจำกัด ที่จัดตั้งมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี สมัครเข้าร่วมกิจกรรม โดยมีหลักเกณฑ์การตรวจประเมินเพื่อขอรับหนังสือรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ 6 ข้อ ได้แก่ 1) หลักนิติธรรม ธุรกิจต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด 2) หลักคุณธรรม ต้องมีการส่งเสริมคุณธรรมและจรรยาบรรณทางธุรกิจ 3) หลักความโปร่งใส มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอ 4) หลักความมีส่วนร่วม ธุรกิจมีความใส่ใจเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ 5) หลักความรับผิดชอบ ผู้บริหารต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม และ 6) หลักความคุ้มค่า มีการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยมีธุรกิจสนใจสมัครเข้าร่วมทั้งหมดจำนวน 63 ราย และผ่านเกณฑ์การตรวจประเมินมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ จำนวน 38 ราย โดยกรมฯ ได้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1) ธุรกิจที่ได้รับการต่ออายุหนังสือรับรอง และก้าวเข้าสู่การเป็นธุรกิจธรรมาภิบาลต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 มีจำนวน 14 ราย และ 2) ธุรกิจรายใหม่ผ่านเกณฑ์การตรวจประเมินธรรมาภิบาล มีจำนวน 24 ราย”
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสินิตย์ เลิศไกร) แสดงความยินดีกับธุรกิจที่ผ่านการประเมินมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ และกล่าวเพิ่มเติมว่า “ธุรกิจที่ผ่านการประเมินจะได้รับหนังสือรับรองและตราเครื่องหมายรับรอง “มาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ” จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายรับรองเป็นระยะเวลา 3 ปี เครื่องหมายดังกล่าวนอกจากจะเป็นเครื่องยืนยันการปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งเป็นมาตรฐานขั้นต่ำของการประกอบธุรกิจแล้ว ยังแสดงถึงการประกอบธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียอีกด้วย เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงความดี และการดำเนินธุรกิจที่อยู่บนพื้นฐานของหลักคุณธรรม โดยธุรกิจสามารถนำเครื่องหมายนี้ไปใช้ร่วมกับเครื่องหมายการค้าในการโฆษณาเพื่อเป็นการการันตีการเป็นธุรกิจสีขาว นอกจากนี้ ยังจะได้รับสิทธิในการระบุข้อความรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจบนหนังสือรับรองนิติบุคคลด้วย ซึ่งจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความน่าเชื่อถือให้กับคู่ค้า อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ธุรกิจรายอื่น”
ขณะนี้ กรมฯ กำลังเร่งส่งเสริมให้ภาคธุรกิจนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้เป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจไทยมีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งจะผลักดันให้เกิดการสร้างเครือข่ายธุรกิจสีขาว เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนเป็นแบบอย่าง และพลังในการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจไทยต่อไป
ธุรกิจที่สนใจสมัครเข้าร่วมกิจกรรมสร้างธรรมาภิบาลธุรกิจในปีต่อ ๆ ไป สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่กองธรรมาภิบาลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร. 0 2 547 4417 หรือ e-mail : [email protected] ติดตามรายละเอียดการเปิดรับสมัครได้ที่ www.dbd.go.th และสามารถรับชมคลิปวิดีโอประกาศรายชื่อนิติบุคคลที่ได้รับมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจประจำปี 2564 ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=2ICCMpa_vQI
ที่มา : กองธรรมาภิบาลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ฉบับที่ / สิงหาคม 2564
รายชื่อธุรกิจที่ผ่านเกณฑ์การตรวจประเมินมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจในปี 2564 แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
1) ธุรกิจที่ได้รับการต่ออายุหนังสือรับรอง และก้าวเข้าสู่การเป็นธุรกิจธรรมาภิบาลต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 จำนวน 14 ราย ได้แก่
- บริษัท แมงโก้ คอนซัลแตนท์ จำกัด (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท เลกซัส ออโต้ ซิตี้ จำกัด (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท สีไดโน จำกัด (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท ดี ดับเบิลยู คอนซัลแทนท์ แอนด์ เมเนจเม้นท์ จำกัด (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท โปรเฟสชั่นแนล โชเฟอร์ ซัพพลาย จำกัด (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท ไทยอีสเทิร์น อินโนเวชั่น จำกัด (ชลบุรี)
- บริษัท อี.คิว. รับเบอร์ จำกัด (ชลบุรี)
- บริษัท เอ.ไอ.พี. จำกัด (นครปฐม)
- บริษัท ชัยบูรณ์ บราเดอร์ส จำกัด (ปทุมธานี)
- บริษัท ผลไม้กระป๋องประจวบ จำกัด (ประจวบคีรีขันธ์)
- บริษัท พิษณุเวช จำกัด (พิษณุโลก)
- บริษัท ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช จำกัด (สมุทรปราการ)
2) ธุรกิจรายใหม่ผ่านเกณฑ์การตรวจประเมินธรรมาภิบาล จำนวน 24 ราย ได้แก่
- บริษัท ยูพี แอ็คเคาน์เทนซี จำกัด (กระบี่)
- บริษัท ควิกสปีด จำกัด (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท เดอะสตาร์ จำกัด (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท บีอีเอซี แอคเคาน์ แอนด์ ออดิท จำกัด (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท บุศยา แอคเคาน์ติ้ง จำกัด (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท เมิร์ซ เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท ยูโรสแกน จำกัด (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท รัชพร การบัญชีภาษีอากรและกฎหมาย จำกัด (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท รัตนมณีการบัญชี จำกัด (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท เอสแอนด์เอ ออดิท จำกัด (กรุงเทพมหานคร)
- บริษัท 2 เอ็ม อโกร เท็ค จำกัด (กาญจนบุรี)
- บริษัท อีซูซุกาญจนบุรี จำกัด (กาญจนบุรี)
- บริษัท บี.วี. การบัญชีและภาษีอากร (ขอนแก่น) จำกัด (ขอนแก่น)
- บริษัท เอ.จี.ยูนิเวอร์แซล จำกัด (ขอนแก่น)
- บริษัท จันทบุรี โทรทัศน์บริการ จำกัด (จันทบุรี)
- บริษัท ไทย รีเบิร์ท จำกัด (ชลบุรี)
- บริษัท เศรษฐกฤษฏ์ การบัญชี จำกัด (ชัยนาท)
- บริษัท เคมิท กรุ๊ป จำกัด (นนทบุรี)
- บริษัท ฟอร์ซ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (นนทบุรี)
- บริษัท ทอสเท็มไทย จำกัด (ปทุมธานี)
- บริษัท ทิป ท็อป เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (ปทุมธานี)
- บริษัท อินเตอร์เฟส ซิสเทค จำกัด (ปทุมธานี)