เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 ก.ค. ขณะที่ พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ออกตรวจในพื้นที่ที่รับผิดชอบตามปกติ ได้รับแจ้งจากศูนย์แก่นนคร 191 สภ.เมืองขอนแก่น ว่า เกิดเหตุชายคลุ้มคลั่งขับรถยนต์พุ่งชนรถประชาชน และคนเดินถนน ตามถนนเส้นทางสายต่างๆ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ขอให้มาระงับเหตุด่วน หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.ท.เมธี ศรีวันนา รอง ผกก.(ป.) สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.ท.พิทักษ์เขต สิงห์พิทักษ์ รอง ผกก.(จร.) สภ.เมืองขอนแก่น พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่สายตรวจจำนวนมาก

เมื่อไปตรวจสอบพบรถที่ก่อเหตุ คือ รถยนต์ ออร่า กู๊ดแคท สีเทา หมายเลขทะเบียน ขน100 ขอนแก่น ได้ขับชนรถยนต์ของประชาชน คนเดินเท้า รวมไปถึงทรัพย์สินต่างๆ สองฟากฝั่งถนน และกำลังหลบหนีไปตามถนนศรีจันทร์-หน้าเมือง-หลังเมือง-รอบเมือง-รื่นรมย์ และถนนประชาสโมสร เจ้าหน้าที่ได้ขับรถเข้าขวาง แต่ผู้ก่อเหตุได้ขับรถพุ่งชนรถสายตรวจของเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหาย และพยายามหลบหนี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะตัดสินใจใช้อุปกรณ์หยุดยานพาหนะ Stop stick วางขวางรถผู้ก่อเหตุ เหยียบจนยางรถรั่ว แต่รถผู้ก่อเหตุก็ยังเคลื่อนต่อไปได้ จนกระทั่งหลบหนีเข้าไปในซอยสุภภีระ เจ้าหน้าที่ใช้รถปิดกั้นทุกเส้นทาง เพื่อไม่ให้เหตุหลบหนีไปได้อีก จนกระทั่งจนมุมในที่สุด

ภายหลังจากรถหยุดแน่นิ่งสนิท เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อนามสกุลภายหลัง คือ นายบวรวงศ์ ไกรฤกษ์ อายุ 36 ปี ซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาคล้ายเสพสารเสพติด มาสงบสติที่ สภ.เมืองขอนแก่น จากการสอบสวนผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่า ได้เสพยาไอซ์มาเมื่อคืนที่ผ่านมา จนเกิดอาการหลอน และได้ขับรถออกมาก่อเหตุดังกล่าว

พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวว่า ผู้ต้องหาอยู่ในสภาพอาการที่คุยไม่รู้เรื่อง จึงต้องควบคุมตัวไว้เพื่อสงบสติอารมณ์ ขณะนี้ผู้ปกครองได้มาติดต่อและรับทราบเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว และจากการตรวจปัสสาวะพบมีสีม่วง จึงตั้งข้อกล่าวหาเบื้อวต้นรวม 5 ข้อกล่าวหา ประกอบด้วย ขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถผู้อื่นเสียหาย, ขับขี่รถประมาทหวาดเสียว, ขับขี่รถชนแล้วหลบหนี, ขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย, เป็นผู้ขับขี่มีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ในร่างกาย โดยผิดกฎหมาย พร้อมควบคุมตัว นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะที่ความเสียหายเบื้องต้น พบรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประชาชนรวมทั้งรถยนต์ของตำรวจ เสียหายรวม 6 คัน และยังคงมีทรัพย์สินต่างๆ เสียหาย ซึ่งขณะนี้ผู้เสียหายทยอยเข้าแจ้งความเอาผิดกับผู้ที่ก่อเหตุแล้ว.