เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่สำนักงานเขตบางกอกใหญ่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเหตุถังดับเพลิงระเบิดวานนี้ (23 มิ.ย.) โดย น.ส.ทวิดา กล่าวว่า ปัจจุบัน กทม. ได้เรียกเก็บถังดับเพลิงชนิดคาร์บอนไดออกไซด์ในสถานีดับเพลิงทั้งหมด มีนโยบายหยุดปฏิบัติการซ้อมดับเพลิงแก่หน่วยงานต่าง ๆ จนกว่าจะตรวจความปลอดภัยอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องครบถ้วน ยืนยันว่า ถังดับเพลิงที่ระเบิดวานนี้ เป็นถังคาร์บอนไดออกไซด์ ต่างจากถังที่ใช้ในหน่วยราชการและชุมชน

นอกจากนี้ สั่งการให้ทุกสถานีดับเพลิง สำนักงานเขต ประธานชุมชน ร่วมกันตรวจถังดับเพลิงเคมีแห้งในชุมชนทั้งหมด เพื่อระบุรายละเอียดอายุการใช้งาน จำแนกถังเก่า ที่มีแนวโน้มความเสี่ยงออกจากพื้นที่ พร้อมบำรุงรักษาถังใหม่ที่ยังใช้งานได้ โดยเริ่มการตรวจสัปดาห์หน้า รวมถึงออกข้อปฏิบัติขั้นตอนสำหรับเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบสภาพใช้งานของถัง เช่น ตรวจสอบมาตรวัดความดันภายในถัง สภาพสายดับเพลิง สภาพตัวถัง เป็นต้น หากพบชำรุดเสียหาย สามารถแจ้งสำนักงานเขตเพื่อเปลี่ยนได้ สำหรับภาคประชาชน กทม. มีแผนเพิ่มช่องทางแจ้งถังดับเพลิงชำรุดผ่านระบบทราฟฟี่ ฟองดูว์ ต่อไป

น.ส.ทวิดา กล่าวต่ออีกว่า ส่วนการซ้อมดับเพลิงในอนาคต กำหนดให้ใช้ถังเปล่า ไม่มีการฉีดพ่น เสริมความรู้ผ่านสื่อวิดีโอ สนับสนุนชุดป้องกันระหว่างซ้อม กรณีโรงเรียน นักเรียนสามารถติดตามการซ้อมได้ บนชั้น 2-3 ของอาคาร เพื่อความปลอดภัย จากนี้ไป การปรับปรุงมาตรฐานปฏิบัติการทั้งหมด จะใช้มาตรฐานเดียวกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

ขณะที่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ได้สั่งห้ามนำถังดับเพลิงนอกหน่วยงานมาใช้ เพราะแต่ละเขตมีถังสำหรับฝึกซ้อมโดยเฉพาะ และให้ตรวจสอบความทนทานต่อแรงดันทุก 5 ปี รวมถึงให้คณะกรรมการชุมชนและอาสาสมัครเทคโนโลยี ร่วมกันเก็บข้อมูลถังดับเพลิงในชุมชน เช่น วันเวลาตรวจสอบครั้งล่าสุด อายุใช้งาน พร้อมระบุตำแหน่งที่ตั้งของถังผ่านระบบออนไลน์ในรูปแบบแผนที่ เพื่อการตรวจสอบง่ายขึ้น.