นายโชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ธนาคารร่วมกับยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล และไทย เพย์เมนท์ เน็ตเวิร์ค เปิดบริการชำระค่าสินค้าและบริการด้วยยูเนี่ยนเพย์ คิวอาร์โค้ด บาย แบงค็อกแบงก์ ผ่านแอพพลิเค่ชันบีวอลเลท (BeWallet) สแกนจ่ายเงินที่ร้านค้าเครือข่ายยูเนี่ยนเพย์กว่า 30 ล้านแห่ง ใน 45 ประเทศ เช่น ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง มาเก๊า ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และไต้หวัน เป็นต้น โดยจะเริ่มให้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย.64 เป็นต้นไป ซึ่งใช้จ่ายซื้อสินค้าต่างประเทศผ่านออนไลน์ได้ด้วย และจะขยายใช้งานด้วยโมบายแบงกิ้งของธนาคารกรุงเทพต่อไป
ทั้งนี้ ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่าปริมาณการทำธุรกรรมด้วยบัตรเดบิตผ่านช่องทางออนไลน์ในต่างประเทศ ปี 63 มีมากกว่า 30 ล้านรายการเพิ่มขึ้นถึง 25% โดยมีมูลค่าของธุรกรรมรวมกว่า 17,000 ล้านบาท ซึ่งสอดรับพฤติกรรมลดสัมผัส ห่างไกลโควิด และพัฒนาแอพบีวอลเลทรองรับการกลับมาเปิดประเทศได้อีกครั้งของประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทยที่จะสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาธนาคารกรุงเทพได้พัฒนาต่อยอดบริการแอพบีวอลเลท กระเป๋าเงินดิจิทัลที่จะเปลี่ยนการชำระเงินในต่างประเทศให้เป็นเรื่องง่าย โดยเชื่อมต่อหรือผูกเข้ากับบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงเทพ รวมถึงบัตรเดบิตและบัตรเครดิต ลูกค้าเพียงเปิดแอพพลิเคชันและสแกนคิวอาร์โค้ดที่ร้านค้าเพื่อชำระเงินค่าสินค้าได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย โดยไม่ต้องพกเงินสด และไม่ต้องพกบัตร
“บริการยูเนี่ยนเพย์ คิวอาร์โค้ด บาย แบงค็อกแบงก์ พัฒนาขึ้นภายใต้เทคโนโลยีการชำระเงินแบบข้ามประเทศผ่านมือถือ เพียงผูกบัญชีไว้กับแอพพลิเคชั่นบีวอลเลท ก็สามารถชำระเงินผ่านระบบคิวอาร์โค้ดของยูเนี่ยนเพย์ได้ ช่วยเพิ่มทางเลือกการใช้จ่ายที่สะดวกสบายและทำธุรกรรมได้อย่างปลอดภัย สามารถชำระค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ ได้ทั่วโลกแม้ไม่มีบัตรเครดิต โดยเฉพาะในกรณีเดินทางต่างประเทศ ก็ลดความกังวลเรื่องการแลกเงินหรือการพกเงินสดจำนวนมาก เนื่องจากสามารถสแกนเพื่อชำระเงินเป็นสกุลท้องถิ่นได้เลย และระบบจะคิดอัตราแลกเปลี่ยนให้ทันที ลูกค้าจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งยังคิดค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าบัตรเครดิตด้วย”