เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ก.ย. ที่สน.ลุมพินี นพ.ทศพร เสรีรักษ์ พร้อมกลุ่มไทยไม่ทน และกลุ่มการ์ดวีโว่ รวม 7 คน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ในข้อหาร่วมกันจัดกิจกรรม ซึ่งมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน เสี่ยงในการติดต่อสัมผัสกันที่สามารถแพร่โรคได้, ร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตจนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร จากกรณีจัดการชุมนุมที่แยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ วันนี้มีผู้ที่ถูกออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาทั้งหมด 9 คน ประกอบด้วย 1.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 2.นพ.ทศพร เสรีรักษ์ 3.นายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล 4.นายณัฐพงศ์ คำจันทร์ 5.นายอภิวัชร์ สุขแสวง 6.นายทีระพันธ์ บุรณสวรรค์ 7.น.ส.เงินตรา คำแสน 8.น.ส.ชลธิชา ปราชญานุสรณ์ และ 9.นายต่อพงษ์ ดรุณพงษ์ เดินทางมาทั้งหมด 7 คน ส่วนอีก 2 คน คือ นายณัฐวุฒิ และน.ส.เงินตรา ได้ติดต่อขอเลื่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวนออกไปก่อน
มีรายงานว่า หลังจากทั้ง 7 คน เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวแล้ว ทางพนักงานสอบสวนจะปล่อยตัวกลับ เนื่องจากเป็นการเข้าแสดงเข้าพบตามหมายเรียก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่จะเข้าพบพนักงานสอบสวน นพ.ทศพร ได้พานายฐนกร ผ่านพินิจ 46 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป ซึ่งได้รับบาดเจ็บถูกกระสุนยางยิงเข้าบริเวณตาทั้งสองข้าง และเยาวชน อายุ 13 ปี ที่ถูกเจ้าหน้าที่ คฝ. ยิงกระสุนยางใส่ได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผล 8 แห่งตามร่างกาย มาพบกับสื่อมวลชน เพื่อเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายฐนกร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างที่ตนกำลังขี่ จยย.เพื่อกลับบ้าน ได้ผ่านบริเวณแยกดินแดงที่จะเลี้ยวไปถนนพระราม 9 ซึ่งมีการชุมนุมอยู่ ตนจึงหยุดดูสถานการณ์ ยืนยันไม่ได้มาร่วมชุมนุม และไม่เคยเข้าร่วม ขณะที่ตนอยู่หยุดดูอยู่นั้น ก็มีเจ้าหน้าที่ยิงกระสุนยางมา ทำให้นักข่าว และผู้ชุมนุมวิ่งหนีกันหมด ส่วนตนหลบอยู่ข้างเสาไฟฟ้า โดนยิงเข้าที่ตาขวาเฉียดไปตาซ้าย หลังเกิดเหตุตนได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง (ขอสงวนชื่อรพ.) แพทย์บอกว่าตาขวาฉีกขาด ตาซ้ายเลนส์เคลื่อน รักษาตัวอยู่ 15 วัน ก่อนได้กลับบ้าน
ส่วนอาการตอนนี้ ยังปวดตาข้างขวาอยู่ ตาข้างซ้ายเริ่มหายปวด โดยตาทั้งสองข้างมองเห็นเพียงลางๆ ไม่สามารถระบุใบหน้าคนได้ การรักษาหลังจากนี้ แพทย์แจ้งว่า ต้องรอให้เลนส์ตาซ้ายหายบวมก่อน จึงจะทำการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ ส่วนตาขวาจะทยอยทำการรักษาอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะอาการดีขึ้น ทั้งนี้ ตนเตรียมที่จะปรึกษาทนายความในเรื่องดำเนินคดีกับผู้ที่ยิงกระสุนยางใส่ตน เบื้องต้น ยังไม่มีการแจ้งความวันนี้ เพราะต้องการรักษาดวงตาก่อน
ด้าน นายพเนศ ปานะจำนงค์ อายุ 38 ปี บิดาของเยาวชน อายุ 13 ปี ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ คฝ. ยิงกระสุนยางใส่รวมกว่า 8 นัด เล่าว่า ทราบเรื่องเมื่อช่วงค่ำวันที่ 20 ส.ค. จากเพื่อนของลูกที่เดินทางไปสังเกตการณ์การชุมนุมที่แยกดินแดง ซึ่งช่วงหลังจากที่มีการสลายการชุมนุม ก็มีการถอยร่นออกจากพื้นที่ ในวันนั้น ลูกชายตนได้ขี่ จยย.ไปกับแฟน พอไปถึงใต้สถานีรถไฟบีทีเอสอนุสาวรีย์ชัยฯ ได้ถูกกลุ่มเจ้าหน้าคฝ. ถีบจยย.คว่ำ ก่อนจะกระหน่ำยิงด้วยกระสุนยางรวม 8 นัด ทำให้ได้รับบาดเจ็บบริเวณแขน ด้านหลัง ขา และลำตัว มีบาดแผลรวม 8 จุด ถูกส่งรักษาที่ รพ.ตำรวจ
โดยในใบแสดงความเห็นแพทย์ระบุว่า ลูกชายถูกกระสุนยางยิงหลายแห่ง อาทิ บาดแผลกระสุนบริเวณหลัง เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4 ซม. ต้นแขนขวามีบาดแผลฉีกขาด และบาดแผลถลอกต้นขาขวา และแผลถลอกบริเวณท้อง เป็นต้น ตนรู้สึกเสียใจกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ ทั้งที่ลูกชายตนอายุแค่ 13 ปี ยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับทางเจ้าหน้าที่ที่ใช้ความรุนแรงกับลูกชาย.