หลังจากที่ ประเทศกัมพูชา ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ครั้งแรกของประเทศ ระหว่างวันที่ 5-17 พ.ค. ที่ผ่านมา นั้น ทาง เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) ได้นำเสนอบทสัมภาษณ์ของ “อ.เล็ก” ผศ.ดร.สุพิตร สมาหิโต รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ในฐานะผู้คร่ำหวอดในวงการโอลิมปิกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเชื่อว่า กัมพูชา มีศักยภาพที่จะสามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่การเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาใหญ่ของโลกอย่างการแข่งขันเยาวชนโอลิมปิก หรือ ยูธ โอลิมปิกเกมส์ (YOG) ได้ภายใน 10 ปี ข้างหน้า

ผศ.ดร.สุพิตร กล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกของกัมพูชา ในการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ส่วนตัวเชื่อว่า พวกเขามีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกีฬา สนามกีฬา และโรงยิม เพื่อพัฒนาต่อไป วิธีที่พวกเขาจัดการทุกด้านของเกม อาทิ การคมนาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมู่บ้านนักกีฬานั้นน่าประทับใจมาก

กัมพูชา ได้ลงนามเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนเอเชี่ยนเกมส์ ของโอซีเอ ในปี 2572 ต่อจากกรุงทาชเคนต์ ประเทศอุซเบกิสถาน ในปี 2568 ซึ่ง ผศ.ดร.สุพิตร มองว่า กัมพูชา สามารถจะก้าวไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นได้

“เอเชี่ยนยูธเกมส์ ในปี 2572 จะดีมากๆ สำหรับกัมพูชา เพราะตอนนี้พวกเขาได้รับประสบการณ์ที่ดีจากซีเกมส์ 2023 แล้ว พวกเขาได้เรียนรู้มากมายจากการเป็นเจ้าภาพครั้งแรก และเอเชี่ยนยูธเกมส์ ยังเหลืออีก 6 ปี ดังนั้น พวกเขาจึงมีเวลาเตรียมตัวและฝึกฝนบุคลากร หลังจากนั้นพวกเขาสามารถนึกถึงเอเชี่ยนเกมส์ และงานใหญ่ของไอโอซี อย่างเช่น ยูธโอลิมปิกเกมส์”

“การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเยาวชน มีนักกีฬาประมาณ 3,000 คน เท่านั้น ดังนั้น กัมพูชา จึงมีความพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพได้ในอนาคต ซึ่งอาจจะภายใน 10 ปี ก็ได้ ตอนนี้พวกเขามีสนามกีฬาและมีเวลาเวลาเตรียมตัวในการเป็นเจ้าภาพ” อ.เล็ก กล่าว

ทั้งนี้ ทวีปเอเชีย เคยเป็นเจ้าภาพจัดยูธโอลิมปิกเกมส์ มาแล้ว 2 ประเทศ ครั้งที่ 1 ที่สิงคโปร์ ในปี 2010 ส่วนครั้งที่ 2 ที่เมืองหนานจิง ประเทศจีน ในปี 2014 ส่วนครั้งต่อไปจะจัดที่เมืองดาการ์ ประเทศเซเนกัล ในปี 2026