สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ว่า งานศึกษาชิ้นใหม่ ซึ่งเผยแพร่ในนิตยสาร Science พบว่า การจูบอาจเป็นสิ่งที่แพร่หลาย แม้แต่ในโลกยุคโบราณ เนื่องจากมีหลักฐานที่ชี้ว่า การจูบปากได้รับการบันทึกไว้ในอารยธรรมเมโสโปเตเมีย และอียิปต์โบราณ ตั้งแต่อย่างน้อย 2,500 ปีก่อนคริสตกาล

นายโทรเอลส์ แพงก์ อาร์โบลล์ กล่าวว่า เขาและนางโซฟี ลุนด์ ราสมุสเซน ผู้เขียนร่วม เริ่มศึกษาเกี่ยวกับการแพร่กระจายของโรคต่างๆ ในสมัยโบราณ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการจูบเพื่อแสดงความรัก ซึ่งพวกเขาพบว่า งานศึกษาล่าสุดส่วนใหญ่อ้างอิงแหล่งข้อมูลจากอินเดีย โดยย้อนกลับไปประมาณ 1,500 ปีก่อนคริสตกาล และมีความเกี่ยวข้องกับ “การจูบเชิงเพศ-โรแมนติก” ในยุคแรกสุด

แม้ว่าหลักฐานต่างๆ ถูกรวบรวมไว้แล้วในช่วงทศวรรษที่ 1980 แต่อาร์โบลล์ ผู้สันทัดกรณีด้านการศึกษาตะวันออกใกล้โบราณ กล่าวว่า ข้อมูลเหล่านั้นไม่เคยถูกนำไปใช้ในด้านอื่นๆ อีกทั้งในตำราอักษรรูปลิ่มโบราณหลายพันฉบับที่มีอยู่ พวกเขาพบการกล่าวถึงการจูบแบบโรแมนติกค่อนข้างน้อย

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนระบุเพิ่มเติมว่า มันมีตัวอย่างชัดเจนซึ่งแสดงให้เห็นว่า การจูบ ถือเป็นส่วนหนึ่งของความใกล้ชิดแบบโรแมนติกในสมัยโบราณ เพราะนอกจากข้อความที่บอกเป็นนัยว่า “การจูบ คือ สิ่งที่คู่แต่งงานทำกัน” มันยังนับเป็นส่วนหนึ่งของความต้องการทางเพศของคนที่ยังไม่แต่งงาน เมื่อพวกเขามีความรักอีกด้วย

ทั้งนี้ ทีมนักวิจัยยังแยกความแตกต่างระหว่าง “การจูบที่เป็นมิตร-การจูบจากพ่อแม่” ซึ่งแพร่หลายไปตามกาลเวลาและภูมิศาสตร์ ส่วน “การจูบเชิงเพศ-โรแมนติก” นั้น ไม่เป็นสากลทางวัฒนธรรม.

เครดิตภาพ : AFP