สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ว่า คุณตู้ สาวไทยซึ่งแต่งงานกับชาวจีน และอาศัยอยู่ที่กรุงปักกิ่ง เล็งเห็นโอกาสทำธุรกิจอาหารไทย เมื่อปี 2564 นำไปสู่การเปิดร้านอาหารไทยในเขตทงโจว มีคุณแม่ซึ่งเปิดร้านอาหารในไทยมานานกว่า 20 ปี และน้องสาวที่เพิ่งเรียนจบเป็นผู้ช่วย


“ร้านของเราถือเป็นร้านอาหารไทยเจ้าแรกของเขตทงโจว” คุณตู้ กล่าวอย่างภูมิใจว่า ร้านอาหารซึ่งเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของคนในครอบครัว เป็นที่รู้จักในชื่อ “ครัวคุณแม่” และ “ร้านสองพี่น้องชาวไทย”


“เรานำเข้าวัตถุดิบอย่างใบมะกรูดและตะไคร้จากไทย เพื่อพยายามคงรสชาติดั้งเดิมไว้ให้ได้มากที่สุด” คุณตู้กล่าว โดยเธอจัดการควบคุมทุกอย่างเอง ตั้งแต่เลือกทำเลที่ตั้ง ไปจนถึงการตกแต่งร้าน


ความมุ่งมั่นตั้งใจของคุณตู้ นำไปสู่กระแสตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าชาวจีน แม้ร้านตั้งอยู่ห่างจากเขตใจกลางเมือง แต่มีลูกค้าแวะเวียนมาอย่างต่อเนื่อง โดยบางวันที่ขายดีมีลูกค้าเข้ามารับประทานสูงกว่า 50 โต๊ะ


“เคยมีลูกค้าขับรถไกลกว่า 60 กิโลเมตร เพราะอยากรับประทานต้มยำกุ้ง แถมยังซื้อน้ำซุปต้มยำติดมือกลับบ้านไปฝากภรรยาที่บ้านอีก 5 กิโลกรัมด้วย” คุณตู้เล่าด้วยความประทับใจ


ร้านอาหารไทยชื่อ “นกเอี้ยงและควาย” ของคุณตู้ได้รับตรา “ไทย ซีเล็ค” ( Thai SELECT ) จากกระทรวงพาณิชย์ของไทย เมื่อปลายปี 2565 ซึ่งการันตีว่า เทคนิคการทำวัตถุดิบ และรสชาติของร้านนี้มีความ “ไทยแท้”


คุณตู้ กล่าวด้วยว่า ในช่วงสามปีที่ผ่านมา จำนวนร้านอาหารไทยในปักกิ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า มีขนาดทั้งเล็กและใหญ่กระจายตัวอยู่ทั่วเมือง และเสิร์ฟอาหารไทยสารพัดเมนูตั้งแต่ตำรับชาววังจนถึงสตรีทฟู้ด


ทั้งนี้ การจัดอันดับร้านอาหารห้ามพลาดประจำปี 2565 โดยเตี่ยนผิง ( dianping ) เว็บไซต์ไลฟ์สไตล์คนเมืองในจีน ระบุว่า อาหารเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครองตำแหน่งอาหารต่างถิ่นยอดนิยมอันดับ 4 รองจากอาหารตะวันตก อาหารญี่ปุ่น และอาหารเกาหลี โดยมีอาหารไทยเป็นหัวหอกหลักนำทัพอาหารเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


อนึ่ง จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย ตลอดช่วงสิบปีที่ผ่านมา โดยมูลค่าการค้าทวิภาคีเมื่อปี 2565 สูงถึง 135,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 4.63 ล้านล้านบาท ) เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเปรียบเทียบแบบปีต่อปี


ขณะเดียวกัน จีนเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรไทยขนาดใหญ่ที่สุด โดยการส่งออกสินค้าเกษตรไทยสู่จีนในปี 2565 มีมูลค่าสูงถึง 12,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 432,000 ล้านบาท ) เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเปรียบเทียบแบบปีต่อปี


ขณะที่ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ( อาร์เซ็ป ) ที่มีผลบังคับใช้ เมื่อเดือน ม.ค. 2565 ช่วยให้สินค้าไทยได้รับการลดหย่อนภาษีศุลกากรถึง 39,000 รายการ ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากรเป็นศูนย์ 29,000 รายการ โดยจีนเป็นประเทศที่ไทยส่งออกสินค้ามากที่สุด ภายใต้อาร์เซ็ป


“ชื่อร้านมาจากสุภาษิตไทยเกี่ยวกับนกเอี้ยงและควายที่พึ่งพาอาศัยกัน เหมือนเจ้าของร้าน ลูกจ้าง และลูกค้าที่ต้องสนับสนุนและไว้ใจกัน ธุรกิจถึงจะเติบโต” คุณตู้ทิ้งท้าย พร้อมทั้งเสริมว่า อาหารเป็นดังสายใยของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และเธอยินดีเชื่อมมิตรภาพจีน-ไทย ผ่านการเสิร์ฟอาหารไทยรสชาติดั้งเดิมสู่ชาวจีนต่อไป.

ข้อมูล-ภาพ : XINHUA