ณ ริมอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก ในพื้นที่ของตำบลสะแกโพรง อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ในห้วงเวลาที่แสงแรกของวันกำลังจะออกมาทักทาย ฝูงนกกระเรียนที่พักผ่อนมาตลอดทั้งคืนจะค่อย ๆ ปรากฎกายให้เห็น ว่ากันว่า นกกระเรียนเป็นสัญลักษณ์ของคุณงามความดี มักมีคู่เดียวตลอดชีวิต การได้พบนกกระเรียนถือเสมือนว่าได้พบกับความสุข สมบูรณ์ และรักแท้

เป็นเวลากว่า 50 ปีที่นกกระเรียนพันธุ์ไทยได้สูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติ จนกระทั่งโครงการอนุรักษ์ถิ่นอาศัยของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ที่มีความสำคัญระดับโลกในพื้นที่ภาคการผลิตของกองทุนสิ่งแวดล้อมโลกเกิดขึ้น และจัดตั้งขึ้นเป็น “ศูนย์อนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทย จังหวัดบุรีรัมย์” เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้แห่งใหม่ที่สำคัญของจังหวัดบุรีรัมย์ และเป็นการถ่ายทอดความสำเร็จในด้านการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทย ที่มีความเชื่อมโยงกับวิถีชุมชน และองค์ความรู้ท้องถิ่นที่สอดคล้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม

อ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก พื้นที่ชุ่มน้ำของจังหวัดบุรีรัมย์ นอกจากจะเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการติดตามศึกษา และเฝ้าบันทึกภาพนกกระเรียนพันธุ์ไทยที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติในเมืองไทยแล้ว ยังเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศของบุรีรัมย์ ที่เปิดโอกาสให้เยาวชน ชุมชนท้องถิ่น และประชาชนทั่วไป ได้เรียนรู้ศึกษาดูงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์นกกระเรียนพันธุ์ไทย โดยปัจจุบันมีลูกนกกระเรียนพันธุ์ไทยเกิดในธรรมชาติ ไม่น้อยกว่า 15 ตัว

ศูนย์อนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทยเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวในเส้นทาง “พระอาทิตย์ขึ้นดูนก พระอาทิตย์ตกดูช้าง” เส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุรินทร์ ภายใต้แผนส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยว ปี 2566 โครงการ “เที่ยวเมืองช้างสุรินทร์ ใครไปก็หลงรัก” มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวและดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่เมืองรองให้บ่อยครั้งขึ้น รวมถึงสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวสัมผัสวิถี วัฒนธรรม และกิจกรรมใหม่ ๆ สำหรับกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวชาวไทย

มาถึงบุรีรัมย์แล้วอย่าผ่านเลย “สนามฟุตบอลช้างอารีนา” สนามกีฬาที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือทีมปราสาทสายฟ้า ชมสนามแล้วแวะร้านขายของที่ระลึกของสโมสร หรือ Buriram United Mega Store ตั้งอยู่ด้านหน้า มีทั้งเสื้อ พวงกุญแจ หมวก กระเป๋า เป็นต้น โดยเสื้อและของที่ระลึกประจำสโมสรเลยกลายเป็นหนึ่งในของฝากประจำจังหวัดบุรีรัมย์แล้ว

เดินทางต่อไปที่จังหวัดสุรินทร์เมืองเกษตรอินทรีย์ ที่มี “แซตอม ออร์แกนิค ฟาร์ม” เป็นชุมชนตัวอย่างที่ทิ้งสารเคมีกลับมาสู่การทำเกษตรด้วยวิถีธรรมชาติดั้งเดิมอีกครั้ง ชื่อ “แซตอม” เป็นภาษาของชนพื้นเมืองชาว “กวย” หรือ “กูย” ในจังหวัดสุรินทร์ แปลว่า นาที่ตั้งอยู่ริมห้วย บริเวณทุ่งแซตอมเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำลำชีที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการเพาะปลูก จึงมีหลักฐานการเข้ามาอยู่อาศัยของมนุษย์ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์เรื่อยมา จนถึงปัจจุบัน

ทั้งยังเป็นแหล่งรองรับน้ำจากลำห้วยหลายสายมีทั้งธรรมชาติที่สวยงาม ช่วงฤดูฝนทุ่งแซตอมจะเขียวขจีสวยงามมีมหัศจรรย์โพนเรียงเป็นโพนดินที่ตั้งเรียงกันกว่า 2 กิโลเมตร และทุ่งแห่งนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องแหล่งชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามแห่งหนึ่ง แม่น้ำลำชีที่เย็นและใสสะอาดตั้งอยู่ปลายทุ่งรายล้อมไปด้วยพันธุ์ไม้พื้นเมือง หายากแห่งอีสานใต้ ปลาพื้นบ้าน และวิถีประมงพื้นบ้านของชนพื้นเมือง

ปัจจุบันแซตอม ออร์แกนิค ฟาร์ม ได้พัฒนาจนกลายเป็นวิสาหกิจชุมชน และมีการรวมกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตข้าวอินทรีย์ โดยเน้นไปที่ข้าวพื้นบ้านและข้าวเพื่อสุขภาพเป็นหลัก โดยมีบริการห้องพัก และกิจกรรมมากมาย ทั้งการเรียนรู้การทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ ชมความหลากหลายของสายพันธุ์ข้าว การปลูกผักสวนครัว การทำอาหารพื้นบ้าน ปั่นจักรยานกลางทุ่งไปชมบึงมรกต หรือหนองกระโดน Blue Lagoon กลางคืนชมอาณาจักรหิ่งห้อยรอบ ๆ ฟาร์ม ทดลองชิมไวน์จากข้าวพื้นเมือง ฟังดนตรีพื้นเมืองสุรินทร์

จากนั้นไปสร้างประสบการณ์ วิถีคน วิถีช้าง เมืองสะเร็น และเสริมสิริมงคลกับช้างซึ่งเป็นสัตว์ประจำชาติไทย ณ หมู่บ้านช้างสุรินทร์ ในพื้นที่ของโครงการคชอาณาจักร องค์การสวนสัตว์ กับโปรแกรม “กวยอาเจียงเลี้ยงช้าง”

กลุ่มชาติพันธุ์พื้นเมือง “กูย” หรือ “กวย” มีความชำนาญในการจับช้างและเลี้ยงดู ทั้งยังมีความผูกพันกันราวกับเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวจนทำให้วิถีคนเลี้ยงช้างเป็นหนึ่งในอัตลักษณ์โดดเด่น โดยชุมชนบ้านหนองบัวถือเป็นหมู่บ้านช้างที่มีช้างเลี้ยงมากที่สุดในประเทศไทยและมากที่สุดในโลก “คชศาสตร์ชาวกูย” ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

นอกจากนี้ยังมีการแต่งกายที่มีอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์พื้นเมือง มีวัดป่าอาเจียงเป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นศาสนสถานที่สำคัญของชุมชน รวมทั้งบ้านคนบ้านช้าง สุสานช้าง พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านชาวกวย นิทรรศการ “มองกล้อง ส่องเลนส์ วิถีคน วิถีช้าง” และการสาธิตและผลิตภัณฑ์ชุมชนมากมาย อาทิ สาธิตทำแหวนหางช้าง ตะขอช้าง ทอผ้าไหม อาหารพื้นบ้าน ขนมพื้นบ้าน “ข้าวต้มด่าง” การทำกระถางจากมูลช้าง และสาธิตอาหาร 3 ชาติพันธ์ “เฮ็ดอยู่ เฮ็ดกิน เฮ็ดบุญ เฮ็ดทาน”

โปรแกรมเริ่มต้นด้วยการไหว้ มู พระครูปะกำ, ตรวจสุขภาพ-อารมณ์ช้างเบื้องต้น, ปากท้องต้องรู้ ช้างกินอาหารเป็นยา, นั่งอีแต๋นชมบ้านชาวกูย ผูกช้างไว้ในเรือนชาน, ชมอิริยาบถและความสดใสน่ารักของช้างสุรินทร์ ช้าง FC และปิดท้ายด้วย สาธุ 99 ลอดท้องช้างเสริมสิริมงคล และหากอยากสนิทสนมกับน้องช้างมากขึ้นกว่านั้นสามารถเพิ่มประสบการณ์พิเศษสุดด้วยการพาน้องช้างไปอาบน้ำได้ด้วย

ไปแอบดูนกกระเรียนพันธุ์ไทยที่กลับมาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสมบูรณ์ แล้วไปสัมผัสวิถีชีวิตของคนเลี้ยงช้าง ที่ยังคงวิถีดั้งเดิมซึ่งอยู่อย่างกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติเหมือนดั่งวันวาน ท่องเที่ยว เรียนรู้ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์วิถีชีวิต วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างการท่องเที่ยวในแบบยั่งยืนไปด้วยกัน

ท่องเที่ยวเชื่อมโยงสุรินทร์-บุรีรัมย์

  • เช้าตรู่เดินทางจาก กรุงเทพฯ-บุรีรัมย์ โดยสายการบินนกแอร์/แอร์เอเชีย หรือรถยนต์ส่วนตัว ระยะทาง 393 กม.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6.5 ชั่วโมง
  • ผ่อนคลายกับกาแฟสุดโปรดซักแก้วที่ คลาสคาเฟ่ หรือรับเครื่องดื่มเย็นชื่นใจที่ เดอะทาวเวอร์คาเฟ่
  • ชมความยิ่งใหญ่ของ สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ณ สนามช้างอารีนา กับโปรแกรมเอ็กซ์คลูซีฟ ทัวร์
  • บ่ายคล้อยผ่อนคลายกับไม้ดอกนานาพรรณที่ อุทยานไม้ดอก เพ ลา เพลิน เสริมสุขภาวะที่ดีและป้องกันรักษาโรคที่ AROKAYA Wellness Sala
  • ลิ้มรสตำนานความอร่อย 60 ปีของ ปาท่องโก๋ชุมพล หลังสถานีรถไฟ
  • สูดอากาศบริสุทธิ์ชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าและฟังเรื่องราวของนกกระเรียนพันธุ์ไทย ณ ศูนย์อนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทย
  • เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ที่ แซตอม ออแกนิก ฟาร์ม ทำกิจกรรม Wine Testing ลิ้มรสไวน์หลากชนิด และเสิร์ฟอาหารมื้อกลางวันแบบสุรินทร์สไตล์
  • สร้างประสบการณ์ วิถีคน วิถีช้าง เมืองสะเร็น ในโปรแกรม “กวยอาเจียงเลี้ยงช้าง”
  • รับประทานอาหารเย็นแบบ Fine Dining “โฮปบายดินเนอร์” วิถีสะเร็น
  • เติมพลังยามเช้าร้านดังเมืองช้าง แล้วเดินทางไปยังหมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณ บ้านท่าสว่าง
  • แชะ แชร์ ที่แลนมาร์คใหม่เมืองเกษตรอินทรีย์ ร้าน 361 Three Six One จากนั้นออกไปตามล่าหาของฝากคนทางบ้าน
  • ปิดท้ายรับประทานอาหารกลางวันแบบสุรินทร์สไตล์ ที่ ร้านโกนขแมร์ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุรินทร์ โทร. 0 4451 4447-8 หรือติดตามที่ Facebook : ททท.สำนักงานสุรินทร์-ศรีสะเกษ