ศึกฟุตบอลชายซีเกมส์ 2023 รอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันอังคารที่ 16 พ.ค. ที่ผ่านมา ไทย พบกับ อินโดนีเซีย โดย “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร กุนซือ “ช้างศึกหนุ่ม” จัดทัพ 11 ตัวจริงใช้ โจนาธาร เข็มดี ซึ่งเพิ่งโพสต์ประกาศอำลาทีมชาติหลังจบเกมนี้ ลงคุมเกมรับคู่กับ ทรงชัย ทองฉ่ำ ขณะที่แนวรุกใช้ ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ประสานงานกับ อชิตพล คีรีรมย์ และ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย เกมในครึ่งแรก อินโดนีเซีย เริ่มต้นอย่างดุดัน และขึ้นนำก่อน 2-0 จากการเหมาคนเดียวของ มูฮัมหมัด รามาดาน ซานานต้า ในนาทีที่ 20 และ 45+4

เข้าสู่ครึ่งหลังถึงนาทีที่ 65 อนันต์ ยอดสังวาลย์ ซึ่งลงมาเป็นตัวสำรองโขกให้ ไทย ไล่มาเป็น 1-2 เกมทำท่าจะจบด้วยชัยชนะของ อินโดนีเซีย แต่ในช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย ยศกร บูรพา กองหน้าวัย 17 ปีที่ลงมาเป็นอีกหนึ่งตัวสำรอง หลุดเข้าไปยิงประตูตีเสมอเป็น 2-2 ได้สำเร็จ จบ 90 นาทีเสมอ 2-2 ต้องดวลกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ ซึ่ง อินโดนีเซีย มาได้ประตูนำเป็น 3-2 ตั้งแต่นาทีแรกจาก อิรฟาน เจาฮารี

หลังจากนั้นเกิดเหตุชุลมุนที่ข้างสนาม ส่งผลให้ โสภณวิชญ์ รักญาติ นายทวารของไทย กับ โคมัง เทกูห์ ทริสนานด้า นักเตะอินโดนีเซียโดนใบแดงข้อหาสาวหมัดใส่กัน และยังมีทีมงานของทั้ง 2 ทีมที่โดนตะเพิดจากซุ้มม้านั่งสำรองด้วย ถึงนาทีที่ 102 ไทย เหลือ 9 คนเมื่อ โจนาธาร โดนใบเหลืองแดง

หลังจากนั้น อินโดนีเซีย มาได้ประตูหนีเป็น 4-2 ในนาทีที่ 106 จาก มูฮัมหมัด ฟาฮาร์ ฟาตูร์ ราชมาน นาทีที่ 117 ธีรศักดิ์ โดนเหลืองแดงทำให้ไทยเหลือ 8 คน ก่อนที่ เบคแฮม ปูตรา นูกราฮา จะยิงประตูปิดท้ายในนาทีที่ 120 ช่วยให้ อินโดนีเซีย ชนะ 5-2 คว้าแชมป์ไปครองเป็นสมัยที่ 3 และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1991 ส่วน ไทย อกหักได้แค่เหรียญเงิน