จัดเป็นนางเอกหนังร้อยล้านที่หลายคนจับตามองหนักตอนนี้ ไอซ์ ปรีชญา ที่ล่าสุดขอออกมาเปิดใจครั้งแรกหลังเข้าพบตำรวจ กรณีดราม่าซื้อไซยาไนด์ พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ ลั่นเตรียมฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด หลังพาดพิงการเสียชีวิตของอดีตผู้จัดการส่วนตัว พร้อมควงแฟนหนุ่มลูกครึ่ง สเตฟาน อิสเลอร์ เผยเส้นทางความรักกว่า 1 ปี จริงจังถึงขั้นแต่งงานทุกประเด็น ในรายการคุยแซ่บshow แบบจัดเต็ม

ไอซ์ เผยว่า “สภาพจิตใจตอนนี้เริ่มดีขึ้นค่ะ แต่ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ลึกๆ ยังแย่อยู่ ร้องไห้ทุกวันจนเส้นเลือดใต้ตาแตก เราไปพบ ผบ.ตร. ท่านก็รับฟังค่ะ เมื่อวานไปในฐานะพยาน ไม่ใช่ผู้ต้องหาหรือผู้ต้องสงสัย ชี้แจงเรื่องจุดประสงค์ ท่านรับฟังและให้ความเป็นธรรม ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาค่ะ ตอนนี้ยังไม่มีความผิดอะไร ท่านกำลังโฟกัสอีก 100 คน (ที่สั่งซื้อ) และกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่องการปล่อยขายที่กำลังจะจัดการต่อ คนเข้าใจผิดอยู่ เราก็ชี้แจงไปกับนักข่าวด้วย สืบสวนสอบสวนด้วย ในเรื่องการที่โยงไปเกี่ยวกับอดีตผู้จัดการเก่า ไม่ควรโยง การที่ผู้จัดเสีย หนูก็เสียใจ ไม่ควรโยงเรื่องที่เป็นคดีอยู่ตอนนี้ เพราะหนูไม่ได้เกี่ยวข้อง มันมีเพจอันหนึ่งขึ้นมาว่า ใช้ตัวอักษาว่า อ. กับผู้จัดการเก่าที่เสียชีวิตไปแล้ว คู่กัน ให้วิเคราะห์ดูว่าเสียชีวิตในช่วงไหน เหมือนชี้นำว่าหนูเกี่ยวข้องหรือเปล่า มันกลายเป็นเรื่องอะไรก็ไม่รู้ หนูอยากให้โฟกัสที่หนูทำอะไรผิดหรือเปล่า ถ้าหนูไม่ได้ผิดจริงๆ ก็มูฟออน หนูชี้แจงไปค่อนข้างเยอะแล้ว คนที่ยังเข้าใจผิดก็ไม่มีอะไรอธิบายเพราะเราก็บริสุทธิ์ใจ แต่ถ้ายังมีคอมเมนต์ที่โจมตีอยู่ในเรื่องหมิ่นประมาท หรืออะไรก็ตาม หนูมีการคุยกับครอบครัว อาจมีการดำเนินคดีต่อค่ะ”

“ไอซ์เจอคอมเมนต์แรงๆ ในข่าวในเพจมากกว่าค่ะ เรื่องญาติผู้จัดการและงานศพ คุยกันเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณแม่เคลียร์เรียบร้อยแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่พี่โก้เสีย คลาดเคลื่อนในข้อมูลที่คุณแม่พูดไป ไม่ได้มีปัญหากันค่ะ ที่แฟนหนูออกมาโพสต์ป้อง บางทีเขาทำอะไรก็ไม่ได้ปรึกษาเรา เขาเป็นผู้ชายที่ปกป้องเราที่สุดในชีวิตหนูแล้ว เขาเป็นคนที่กล้าทำอะไร ในขณะที่บางคนไม่กล้าทำ เขาจริงใจและชัดเจนกับหนูตลอด ส่วนเรื่องศัลยกรรมตอนนี้หนูเป็นเรื่องขำแล้ว เพราะโดนมาตลอดเรื่องนี้ หลายปีแล้วด้วย โดนบ่อยจนหนูชิน ตอนแรกโดน น่าจะจมูก ก็ไล่มาเรื่อยๆ หน้าเปลี่ยนทุกไตรมาส หน้าเก่าสวยกว่า เสียดายหน้าเก่า หนูก็เสียดายค่ะ เพราะว่าหนูก็ไม่อยากจะเสียตังค์ทำหน้าใหม่ ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุ หนูก็ไม่ได้ทำ ถ้าบูลลี่ในเรื่องหน้าตา มันเป็นเรื่องที่เข้าใจ แต่อยากให้โฟกัสในเรื่องการทำงานมากกว่า ถ้าผลงานการแสดงไม่ดี หนูน้อมรับคำติชมทุกอย่าง ถ้าเป็นเรื่องของหน้าและรูปลักษณ์ ถ้าหนูไม่ได้ทำอะไรให้ใครเดือดร้อน และไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิด หนูก็รู้สึกว่าไม่เป็นอะไรที่เราจะทำกับหน้าเรา ไม่ว่าศัลยกรรมหรืออะไร มันเป็นเรื่องธรรมดาซะด้วยซ้ำเดี๋ยวนี้ ทุกคนก็อยากสวย ทำออกมาไม่ดี ไม่ได้ถูกใจทุกคน แล้วคนมาซ้ำๆ ไม่สวยๆ เราเสียตังค์ให้หมอแล้วเราต้องเสียใจกับคำพูดที่โดนว่าอีกเหรอ แค่หน้าเราไม่ถูกใจเขา หน้าหนูแพง เราเลยต้องเก็บหน้านี้ไว้”

ไอซ์ เล่าต่อว่า “เจอกันครั้งแรกที่คอมมินิตี้มอลล์ เขามากับน้องหมา เขาบอกเราเคยเจอกันนะ คุณเคยมาเล่นกับหมาผมนะ หนูก็ถามเขาต่อ พอคุยกับเขาเยอะขึ้น มันเป็นคำถามที่เราต้องตอบกลับ ตอนเจอบังเอิญ เขามากับแฟนเก่า หนูถามเขาว่าหมาน่ารักจังเลยชื่ออะไรคะ เขาบอกไม่รู้ สักพักผู้หญิงเดินมา แฟนนี่ พอเขาบอกชื่อเสร็จ ก็แยกย้ายแค่นั้น ครั้งแรกที่เจอกันคือสักเยอะจังเลยนะ ดูโหดนะ พอคุย เขาเป็นคนที่อ่อนโยน จิตใจดี น่ารัก ขัดกับรอยสักมาก เรื่องแต่งงาน หนูรอเขาขอแล้วกัน คุณแม่เจอครั้งแรกตกใจเหมือนกัน เหมือนที่หนูตกใจ เขาสักเยอะจังเลยลูก พอได้รู้จักเขามากขึ้น คุณแม่รักเขามาก”

สเตฟาน เผยว่า “จิตใจเขาคือเมื่อเช้าเขายังร้องไห้ ทุกคนแย่หมด เพราะกระทบทั้งครอบครัว ทุกคนสงสารเขา เพราะเขาโดนเต็มๆ ทั้งครอบครัวให้กำลังใจเขาเต็มที่ เพื่อให้ผ่านวันนี้ไปได้ เรื่องคอมเมนต์แรงๆ ถ้าเราไม่ออกมาพูดอะไรเลย เขาจะทำแบบนี้กับคนๆ อื่น มันจะไม่จบสักที ไอซ์อยู่ในวงการค่อนข้างนานแล้ว เขาโดนแบบนี้มาตลอด เขาเป็นผู้หญิงคิดดีตลอด เขาไม่โต้ตอบ เขาโดนกระทำจนถึงทุกวันนี้ ผมคิดว่ามันไม่แฟร์แล้ว เราอย่าให้เขามารังแกเราอีกเลย เราต้องหยุดคนเหล่านี้ ผมเห็นแฟนผมเสียน้ำตาเยอะ ที่ผมออกมาโพสต์ ผมรักแฟน เขาไม่ควรโดนรังแก เขาเป็นผู้หญิงธรรมดา ผมอยู่ในเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ เอาเข้าไปโยงมั่วไปหมด ผมอ่านคอมเมนต์เยอะมาก ถ้าผมอยู่เฉยๆ ผมคงไม่ใช่แฟน เพราะแฟนเราไม่ได้ทำอะไรผิด ผมต้องออกมาชี้แจงตรงนี้ เพราะเรารู้ความจริง ผมเอาชีวิตผมเป็นประกัน ต่อให้ผมพูดยังไง เขาไม่เชื่อ ถ้าพูดก็บอกว่าร้อนตัว ถ้าไม่พูดก็บอกว่าหนี ผมทำอะไรให้ถูกใจพวกคุณไม่ได้หรอกครับ ถ้าคุณมีหลักฐานแฟนผมผิดจริง เอามาเลยครับ เอาแค่ความจริงมาพูดกันเลยครับ”

“ตอนนี้คบกันจะ 1 ปีแล้ว ผู้หญิงคนนั้น วันนั้นเรายังคุยกันอยู่ยังไม่ได้คบ ที่ไม่รู้ชื่อน้องหมา เพราะเราคุยกันช่วงแรกๆ หลังจากนั้นเราก็ได้คบกัน พอเราเลิกกันผ่านไปนาน ผมก็เล่นไอจี เห็นไอซ์คนนี้เคยมาคุยกับเรา ทักไปดีกว่า เอาจริงๆ ชอบเขาอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าเขาตอบมั้ย แต่ก็ทักไปก่อน ผมก็มีเล่ห์เหลี่ยมของผมนิดหนึ่ง ผมทักไป เขาตอบมานิดเดียวก็หายไปเลย ต่างคนต่างหาย แล้วเขาก็ส่งรูปมาตอนที่เขาอยู่โรงพยาบาล ผมก็ถามเขาเป็นอะไร ให้ส่งอะไรไปให้มั้ย เพราะตัวผมอยู่เมืองนอกในตอนนั้น เขาบอกว่าไม่ต้องมา ผมเลยบอกว่าอาทิตย์หน้าเจอกัน ผมทำงานอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ผมก็ลางานเลย พอได้เริ่มคุยโทรศัพท์กัน เราคุยกันเยอะมาก ประมาณ 12 ชั่วโมงต่อวัน แต่ยังไม่ได้เจอหน้ากัน ผมบอกตั้งแต่แรก ถ้าจะให้เป็นเพื่อน ไม่ขอเป็น ไม่ขอคุย ผมกลับสวิสนะ กลับ 3 วัน แล้วก็มาอีก งานที่โน่นผมก็ทิ้งไปเลยครับ เพราะมีงานที่นี่ด้วย ทางโน้นก็เดินต่อได้ ผมเป็นดีเจ เป็นศิลปิน ที่โน่นก็มีหุ้นส่วน ที่ไม่กลับคือผมมีความสุขครับ ผมมีความสุขที่นี่ ทั้งประเทศไทย มันต่างกับที่โน่น นิสัยคนไทยดี ผมไปมาหลายประเทศ เพราะคนไทยใจดี กับไอซ์ปรับตัวกันเยอะ เพราะความคิดเราต่าง เราเข้าใจกัน เราเดินเข้าหากัน ทุกอย่างก็ไปได้ดีครับ”